ปล. ลองตั้งชื่อเรื่องให้มันดูน่าค้นหาไปอย่างนั้นแหละครับ เห็นเว็บข่าวเดี๋ยวนี้เขาชอบเขียนเรียกคนแบบนี้ อิอิ
สวัสดีครับ กลับมาพบพ่อหนุ่มหน้ามน(เหรอ)คนเดิมกับ “ผีหัวโล้นผมยาว” อีกครั้งหนึ่งนะครับ
วันนี้อยากจะขอเอาทริปที่เพิ่งจบไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 58 ที่ผ่าน ซึ่งผมสองจิตสองใจอยู่ว่า จะเอามาเล่าดีไหม
ด้วยความที่ทริปมันเป็นทริปสั้นๆ และก็ไปที่ๆ คนอื่นๆ เขาก็ไปกันมาแล้ว
แต่อีกใจก็คิดว่า น่าจะเขียนเอาไว้เป็นบันทึกความทรงจำที่ดีของผมและภรรยาในการไปเที่ยวครั้งนี้
กับทริปที่มีชื่อว่า (อันนี้ชื่อจริงๆ แล้วครับ ไม่ตั้งแบบเรียกแขกแล้ว)
“มินิซีรี่ย์ “พาเมียหนี(เที่ยว)” เที่ยวซัปโปโรด้วยงบ 15,000 รวมทุกอย่าง (สกี+ซากุระ+ทิวลิป+กินบุฟเฟ่ต์ปู)”
(อยากจะใช้ชื่อที่สั้นกว่านี้ แต่กลัวมันจะอธิบายไม่หมดครับ)
โดยทริปนี้ ผมมีเป้าหมายดังนี้ครับ
- ไปเที่ยวซัปโปโรแบบบินตรง
- ไปสกีรีสอร์ท
- ไปดูซากุระจุดสุดท้ายของญี่ปุ่น
- ไปดูทิวลิป
- ไปกินบุฟเฟ่ต์ปู Nanda
- เดินเที่ยวเล่นชิวๆ ในซัปโปโร
โดยทุกอย่างนี้ใช้งบทั้งหมด (ค่าตั๋วเครื่องบิน,ค่าที่พัก,ค่ากิน,ค่าจิปาถะ) 15,000 บาท
ดูขอเยอะเกินไปใช่ไหมครับ มาลุ้นกันดีกว่า ว่าผมจะทำได้หรือไม่?
ถ้าคุณว่าง ขอเชิญคุณร่วมผจญภัยกับผมไปในทริปนี้กันนะครับ
จุดเริ่มต้นของทริปนี้
หากนั่งนับนิ้วกันแล้ว เราสองคนไปญี่ปุ่นกันมาแล้ว 3 ครั้ง (ผมแอบไปเองคนเดียวอีกครั้ง เป็น 4) จนเราเริ่มมานั่งมองหน้ากันแล้วว่า
“เฮ้ย เมิงสองคนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันบ่อยเกินไปแล้วไหมจ้ะ”
ซึ่งการไปเที่ยวมาแต่ละครั้ง เราก็จะหอบเอาความสุขกองโตกลับมา พร้อมกับกระเป๋าตังค์แฟ่บๆ กลับมาด้วย
หากเราสองคนยังคงเที่ยวญี่ปุ่นกันบ่อยเกินไป จุดหมายปลายทางยุโรปของเราคงจะไม่ทันได้ไปในช่วงชีวิตของเราแน่ๆ
คิดได้ดังนั้น ต้นปี 2558 เราก็คิดกันว่า “ควรจะหยุดเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันได้แล้วนะ เก็บตังค์เพื่อไปทริปยุโรปกันสักทีเถอะ”
แม้จะรู้สึกเศร้าๆ แต่เราก็เข้าใจนะ
#ความรักก็เช่นกัน #เกี่ยวอะไรว่ะ
……………………………
จุดเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง….
ชีวิตคนเรามันไม่เคยเป็นไปตามหวังอยู่เสมอ…
(ปล. จะเขียนแบบฮิปสเตอร์ แต่เขียนแล้วเริ่มคันต้นแขน กลับมาเขียนแบบเดิมดีกว่าแฮะ)
หลังจากที่เริ่มเก็บข้อมูลการเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองสักพัก (ประมาณ 2 วันหลังคุยกัน) ข่าวร้ายก็เกิดขึ้นกับเราทั้งคน…
….หากคุณยังพอจำได้ว่า เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทางสายการบินแอร์เอเชียได้มีการออกข่าวว่า จะมีการเปิดรูทใหม่ที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่งนั่นคือ
กรุงเทพ-ซัปโปโร
ซัปโปโร ฮอกไกโด, ซัปโปโร ฮอกไกโด, ซัปโปโร ฮอกไกโด……ผมเพ้อเหมือนคนบ้าอยู่สักพัก
เพราะว่า จริงๆ แล้ว ฮอกไกโดถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางในฝันจุดหนึ่งของผมเลย แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ การเดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดเป็นสิ่งที่ยากสำหรับครอบครัวเรา
- หากจะบินตรง ราคาตั๋วก็สูงเกิน (เนื่องจากนิสัยเที่ยวแบบราคาถูกของเรามันทำให้เราคิดแบบนั้นไปซะแล้ว)
- หากจะบินต่อในประเทศ ก็รู้สึกยุ่งยาก
- หากจะใช้ JR Pass ก็…
คุณเชื่อหรือไม่ว่า ผมไปญี่ปุ่นมา 5 ครั้ง (ถ้านับกับทริปที่ผมเพิ่งจบไป) ผมไม่เคยซื้อ JR Pass แบบทั่วประเทศเลยสักครั้ง!!
ไม่ต้องเดาให้ปวดหัวครับ เพราะว่า “เสียดายตังค์ครับ” 55555+
ราคาของ JR Pass มันแพงพอๆ กับค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับที่ผมซื้อแต่ละครั้งเลย เลยยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า หากซื้อ Jr Pass มันจะใช้เงินเยอะเกินไป ประกอบกับภรรยาไม่สามารถลางานได้นานๆ โดยเฉลี่ย แต่ละทริปของเราสองคนเลยอยู่ที่ประมาณ 5-6 วันครับ
การมีรูท กรุงเทพ-ซัปโปโร ของแอร์เอเชีย เลยทำลายทุกอุปสรรคที่เราสองคนเคยคิด,เคยกังวลจนหมดสิ้น ยิ่งราคาเปิดตัวเที่ยวละสามพันกว่าบาท เราสองคนเลยมีความเห็นตรงกันว่า
“ถ้าไม่ไปนี่โง่มากๆ เลย”
คิดได้ดังนั้น เมื่อทางแอร์เอเชียได้เปิดให้จองเที่ยวบินนี้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นวันแรก แต่สำหรับลูกค้าที่มี Big Point สามารถจองได้ตั้งแต่ตอน 13:00 น. ของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 ผมเลยรีบหาแต้มบิ๊กพ้อยต์มาใส่บัญชีก่อนเลย (อย่างต่ำ 500 แต้ม) แล้วพอตั้งแต่สายๆ ของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 ผมก็คอยนั่งรีเฟรชหน้าจอ คอยดูว่า โปรนี้อาจจะโผล่มาก่อนบ่ายโมง แล้วเราจะได้จองก่อนใคร (อิอิ)
แต่ชีวิตจริงมันไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ เมื่อถึงเวลา 13:00 น. ปรากฎว่า “เว็บล่ม” ครับ
ผมนั่งบี้อยู่สองสามชั่วโมง ก็ยังไม่สามารถเข้าไปจองได้ จนเริ่มรู้สึกถอดใจแล้วว่า “สงสัยคงจะไม่ใช่ของเรา”
นั่งเศร้าอยู่นานพอควร พอสักสี่โมงเย็นกว่า ๆ ก็เริ่มได้ข่าวว่า เริ่มมีคนจองได้แล้ว เลยรีบกลับเข้าไปไล่บี้กันต่อ จนหกโมงเย็นปรากฎว่า
สรุปว่า เราจองตั๋วเครื่องบินทริปดอนเมือง-ซัปโปโร ในราคา 7,620+180 (ค่ารูดบัตรต่อคน) =7,800 บาท
โดยคิดคำนวนว่า เราจะได้อยู่ที่ซัปโปโรแบบเต็มๆ คือวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2558 (วันที่ 5 กับ 9 เป็นวันเดินทางไปกลับ) นั่นคือ 3 วัน 3 คืนครับ
โอเค ผ่านด่านแรกไปแล้ว ด่านที่สองก็คือ หาที่พัก 3 คืน
ผมคิดว่า เนื่องจากทริปที่เราไปจำนวนวันไม่เยอะ น่าจะเที่ยวได้แค่ในซัปโปโรและรอบๆ หากไปไกลถึงฮาโกดาเตะ มันก็จะดูไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เรื่องที่พัก ผมเลยตัดสินใจเลือกที่พักในซัปโปโรที่เดียว 3 คืนเลยครับ จะได้ไม่ต้องคอยพะวักพะวงเรื่องการลากกระเป๋าไปมา
โดยสุดท้ายเราได้ที่พักที่ Nest Hotel Sapporo Ekimae ครับ โดยได้ห้องพักแบบนอนสองคน ห้องน้ำในตัว ในราคาสามคืนที่ 3,500 บาท (ตกคืนละไม่ถึง1,200 บาทครับ) โดยจองผ่าน booking.com ไปจ่ายเงินที่โรงแรมครับ
ได้ตั๋ว ได้ที่พักแล้ว ต่อไปก็วางแผนเที่ยว ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องยากสำหรับผมในทุกๆ ครั้งอยู่เสมอ ยิ่งซัปโปโรนี่ไม่เคยไป ยิ่งกังวล เรียกว่า ก่อนบิน 2-3 แพลนเที่ยวของผมยังไม่นิ่งเลยครับ
สกี,หิมะ จุดที่ไม่ได้นึกถึงมาก่อน
จริงๆ แล้วความตั้งใจตอนแรกของผมเกี่ยวกับทริปนี้คือ แค่อยากไปดูซากุระ กินของกินอร่อยๆ ที่ฮอกไกโด เดินเล่นชิวๆ ในเมืองซัปโปโร และตบท้ายด้วยบุฟเฟ่ต์ปู 3 ชนิดแบบเกร๋ๆ
หิมะ,เล่นสกี นี่ไม่อยู่ในความคิดผมเลย เพราะคิดว่ายังไงมันก็ไม่ทันอยู่แล้ว
จนวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังหาข้อมูลเที่ยวซัปโปโรในเว็บ japan-guide.com ก็ไปเจอที่เล่นสกีแห่งหนึ่งเปิดถึงวันที่ 6 พฤษภาคม เป็นวันสุดท้าย (ซึ่งก็คือวันที่ผมไปถึงวันแรกพอดี) นั่นคือ Teine Sapporo
ทริปไปเล่นสกีก็เลยถูกบวกเข้าไปในแทบจะทันทีครับ โดย Teine Sapporo มีจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือ อยู่ใกล้เมืองซัปโปโรมาก เป็นทางผ่านไปโอตารุด้วยครับ
แพลนของเราก็เลยเป็น วันแรกไปเล่นสกี วันที่สองและสาม ยังไม่ได้คิด 5555
ต่อมา ผมเห็นแพคเกจหนึ่งเป็นทริปชมซากุระ ซึ่งเป็นทัวร์แบบเที่ยววันเดียว (One Day Trip) ราคา 6,980 เยน (รวมอาหาร 3 มื้อ)
รายละเอียดทริป >> http://www.yokoso-japan.jp/en/22812.html
ด้วยความสนใจก็เลยติดต่อไป โดยตั้งใจว่าจะไปในวันที่สามในซัปโปโร ปรากฎว่า “ที่นั่งเต็ม” แล้ว (ฮือๆๆๆ)
แต่พอมาคิดตอนหลังก็รู้สึกดีที่ไม่ได้จองไปครับ เพราะอะไรเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะครับ
อุปสรรคมักมีในชีวิตของเราเสมอ….
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปหนึ่งในความทรงจำของผม ไม่ใช่แค่ว่า มันอบอวลไปด้วยความสุข แต่มันก็มีอุปสรรคให้ปวดหัวกันอยู่ไม่น้อย เมื่อช่วงก่อนสงกรานต์ มีข่าวออกมาว่า ทางการบินพลเรือนไม่อนุญาตให้เที่ยวบินจากสายการบินของไทยเข้าประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีปัญหาเรื่องมาตราฐานความปลอดภัย
เอาแล้วกรู!! ถ้าใครตามข่าว จะพบว่า มีสายการบินหลายสายการบินได้รับผลกระทบกันเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวถูกทิ้งไว้ที่สนามบินก็มีไม่น้อย แล้วก็มีข่าวลือกันว่า รูทซัปโปโรของแอร์เอเชียก็ได้รับผลกระทบด้วย เพราะยังไม่ได้เริ่มบิน อาจจะแท้งตั้งแต่ยังไม่คลอดก็ได้
เรียกว่า ทำเอาผมและภรรยานอยด์ไปหลายวันเลยเหมือนกัน จนเมื่อทางแอร์เอเชียได้ประกาศออกมาว่า เที่ยวบินไปซัปโปโรเดือนพฤษภาคมยังจะทำการบินเหมือนเดิม (เย้!!)
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
Be the first to comment