วันนี้ (14 เมษายน 2566) ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต อาจจะพบว่า หน้าแรกของกูเกิ้ล ปรากฎภาพของสตรีท่านหนึ่งที่มีชื่อว่า แสงดา บัณสิทธิ์ หลายท่านอาจจะอยากทราบว่า บุคคลท่านนี้คือใคร? มีความสำคัญเช่นไรจึงได้อยู่ในหน้าแรกของ Google ทาง Zcooby จึงหาข้อมูลดีๆ มาแชร์ให้ทราบครับ
แสงดา บัณสิทธิ์ คือใคร?
นางแสงดา บันสิทธิ์ ได้รับการยกย่องเป็น ศิลปินแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2529 สาขาทัศนศิลป์ การทอผ้า และเป็นศิลปินพื้นบ้านดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2529
โดยในวันนี้ (14 เมษายน 2566) ถือเป็น วันเกิดปีที่ 104 ของ แสงดา บัณสิทธิ์
ประวัติของ แสงดา บัณสิทธิ์
ชื่อจริง : แสงดา บัณสิทธิ์
วันเกิด : วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2462
เสียชีวิต : 11 มกราคม พ.ศ. 2536
อายุ : 74 ปี
ครอบครัว : สมรสกับนายดาบมาลัย บัณสิทธิ์
ตลอดชีวิตนางแสงดาไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียน แต่ได้ฝึกเรียนด้วยตนเองกับคุณลุง จนสามารถอ่านออกเขียนได้ และจากการที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณยายคือ อุ๊ยเลี่ยม ผู้ซึ่งมีความรู้ในด้านการทอผ้า ย้อมผ้า โดยเฉพาะย้อมผ้าฝ้ายด้วยสีจากพืชแบบโบราณ ทำให้นางแสงดาได้มีโอกาสสืบทอดความรู้ดังกล่าว
อนึ่ง ด้วยเหตุที่มีใจรักงานด้านนี้อยู่แล้ว ประกอบกับหลังจากแต่งงานก็ได้ทำงานเกี่ยวกับการทอผ้าเล็กๆ น้อยๆ สำหรับใช้สอยในครอบครัว จึงทำให้ได้พัฒนาความรู้ความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ้าขาดตลาด นางแสงดาและมารดาก็ได้ช่วยกันทอผ้าที่เรียกว่า “ผ้าเปลือกไม้” สีกากี สำหรับตัดชุดข้าราชการให้สามี และเพื่อนๆ สามี
กระทั่งสงครามยุติ มารดาที่ชรามากแล้วก็เลิกทอ จึงมีเพียงนางแสงดาที่ยังคงทอผ้าเรื่อยมา เมื่อสามีถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.2503 นางแสงดาได้เริ่มสะสมเครื่องมือที่ใช้ในการทอผ้า และภายใน 1 ปี นางสามารถรวบรวมกี่ทอผ้าได้ถึง 5 หลัง จึงได้ชักชวนเพื่อนบ้านมาช่วยกันทอผ้าเพื่อจำหน่าย ในระยะแรกขายไม่ได้ ต้องแจกลูกหลานไป ปรากฏว่าเมื่อคนในเมืองพบเห็นก็เกิดความสนใจ และช่วยอุดหนุนให้กำลังใจ
ต่อมาเกษตรอำเภอจอมทอง ได้พานางแสงดาและกลุ่มแม่บ้านไปแสดงผลงานที่สวนบวกหาด ในจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นนางแสงดาได้นำผ้ามาฝากขายที่ร้าน ”บ้านไร่ไผ่งาม” ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเครื่องจักสานของบุตรสาว อยู่ที่ศูนย์การค้าทิพย์เนตร อำเภอเมืองเชียงใหม่ ทำให้คนทั่วไปรู้จักผ้าทอบ้านไร่ไผ่งาม และได้รับความนิยมมากขึ้น
พ.ศ.2520 Mr.Kenji ชาวญี่ปุ่น ซึ่งสนใจและติดตามผลงานของนางแสงดามาเป็นเวลานาน ได้สั่งซื้อผ้าเป็นจำนวนมากเพื่อนำไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่น นอกจากนี้ทางร้านจิตรลดาก็ได้สั่งซื้อผ้าเป็นจำนวนมากเช่นกัน นางแสงดาไม่สามารถผลิตให้ได้ตามที่ต้องการ ทั้งนี้เพราะเป็นงานทอมือ ต้องใช้เวลาทำนาน วัตถุดิบมีไม่เพียงพอ และขาดแรงงานในบางเวลา นางแสงดาจึงแก้ปัญหาด้วยการปลูกฝ้ายพันธุ์พื้นเมืองซึ่งเป็นฝ้าย ”สีตุ่น” เอง และชักชวนเพื่อนบ้านให้ปลูกด้วย โดยนางจะรับซื้อผลผลิตไว้ทั้งหมด จากนั้นนางแสงดาได้จัดตั้งกลุ่มเกษตรกร ขึ้น ณ บริเวณบ้านพักอาศัยของนางเอง เพื่อผลิตผ้าฝ้ายทอมือแท้ๆ ออกสู่ตลาด โดยคิดค่าตอบแทนเป็นรายวัน และจะรวมจ่ายให้ทุก 15 วัน
นอกจากจะมีความสามารถในการทอผ้าแบบดั้งเดิมแล้ว นางแสงดายังมีความเป็นศิลปิน มีความคิดสร้างสรรค์ ดังจะเห็นได้จากการที่นางแสงดาได้ประยุกต์ลวดลายใหม่ๆ ต่างๆ บนผืนผ้าให้มีความหลากหลายสวยงามมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาเทคนิคเอกลักษณ์ของท้องถิ่นเอาไว้ โดยเฉพาะการย้อมสีธรรมชาติ ทำให้ผ้าทอแต่ละพับมีความสวยงามไม่ซ้ำกันเลย ซึ่งนางเองก็ไม่เคยหวงความรู้เหล่านี้ เมื่อมีโอกาสก็จะถ่ายทอดและเผยแพร่ให้แก่ผู้สนใจอยู่เสมอ
ดังนั้น เมื่อเทียบผลงานของนางแสงดากับผ้าทอโดยทั่วไปแล้ว แม้ว่าผ้าของนางแสงดาจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นที่ยอมรับและนิยมชมชอบในกลุ่มผู้นำแฟชั่น และผู้มีรสนิยมดี มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้นางแสงดายึดหลักที่ว่า “ตนเองไม่ได้มีความมุ่งหวังร่ำรวยจากการทอผ้า แต่ว่าปั่นทอด้วยความรัก และความตั้งใจช่วยเหลือเพื่อนบ้านให้มีรายได้บ้าง”
รางวัล
- ศิลปินพื้นบ้านดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2529
- ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (การถักทอ) เมื่อ พ.ศ.2529
- ได้รับพระราชทานปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิทยาศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์ประยุกต์ เมื่อ พ.ศ.2530
Be the first to comment