ประสบการณ์จริง “วัยเบญจเพส”
ที่มา : http://pantip.com/topic/33700652
” สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวพันทิป นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ เพิ่งสมัคครั้งแรก อยากมาเล่าประสบการณ์
ที่เจอมากับตัวค่ะ ช่วงอายุ 25 หรือ “วัยเบญจเพส” ตามที่คนโบราณเค้าถือกันว่าเป็นช่วงที่เคราะห์กรรมหนักที่สุด
ไปไหนมาไหนอย่าประมาณ ต้องระวังตัวเองมากๆ กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ ก่อนอื่นเราขอบอกก่อนว่า
เราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องลี้ลับเพราะไม่เคยเจอ ไม่เคยสัมผัส ก็เลยไม่ค่อยเชื่อค่ะ แต่เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงค่ะ
เจอมากับตัวเองถึงเชื่อแบบสนิทใจว่าวิณญาณมีจริง ถ้าเราเล่าขาดตกหล่นยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ เพิ่งเล่นเป็นกระทู้แรก ”
…เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เราบอกบอกก่อนว่าเราเพิ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว เราดรอปเรียนไป 2 ปี ค่ะ เพราะต้องทำงานเก็บเงินเรียนเอง พอจบเราเลยคิดที่จะเรียนต่อเลย แต่เราก็จะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย พอดีเพื่อนที่จบไปก่อนหน้าเรา เค้าฝากงานให้เป็นงานโรงแรมค่ะ เราจบการตลาด ทีนี้ตอนสัมภาษณ์งานเสร็จ พี่ที่สัมภาษณ์ เค้าบอกเราว่า “หนู อีกไม่กี่วันทำบุญเยอะๆนะ หนักจะได้กลายเป็นเบา” เราก็ไม่ได้ เอะ. ใจอะไรมากค่ะ เพราะดีใจที่ได้งาน เพื่อนเราอีกคนตอนนี้ไปเรียนต่างประเทศค่ะ เคยซื้อคอนโดไว้แถวนี้แล้วคอนโดปล่อยว่างมานานแล้ว ไม่มีคนไปอยู่ คอนโดกว้างมากค่ะ สวยด้วย ระเบียงมองเห็นวิวทะเลสวยมากๆ มันบอกให้เราไปอยู่เลย ไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้ แต่เราบอกไม่ได้แกต้องรับเงิน เดี๋ยวเราเช่าแกอยู่ละกัน ตกลงกันไว้เแบบนี้ค่ะ เราก็จัดการขนของเข้ามาอยู่เลยอีกวัน จัดของตั้งแต่เช้าจนค่ำ รู้สึกเพลียมากๆ ก็เลยของีบสักพักแล้วค่อยมาจัดต่อ ตอนนั้นเวลา 2 ทุ่มกว่าๆค่ะ เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เราได้ยินเสียงคนคุยกันข้างๆเรา รู้สึกได้ว่าที่นอนยวบลงเหมือนมีคนมานั่งหรือมานอนอะค่ะ แต่เราขยับตัวไม่ได้ จะพูดก็ทำไมได้ค่ะ เสียงที่เป็นผู้ชายพูดเป็นภาษาอะไรไม่รู้แต่ไม่ใช่ภาษาไทยแน่ๆค่ะ คุยกันหลายคน ความรู้สึกมีทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย สักพักได้ยินเสียงหัวเราะค่ะ หัวเราะดังมากกๆๆ ข้างๆหูเรา แล้วพูดใส่หูเราว่า ” มีเพื่อนมาอยู่ด้วยแล้ว มาสนุกด้วยกันสิ คนที่แล้วเล่นด้วยไม่สนุกเลย ” แล้วก็หัวเราะค่ะ คนที่พูดข้างหูเราเป็นเสียงผู้หญิงค่ะแต่พูดออกมาเป็นภาษาไทย ตอนนั้นเราพยายามขยับก็ขยับไม่ได้ สักพักเสียงเงียบไปเราหลุดค่ะ ขยับตัวได้ เราก็ลุกขึ้นมารู้สึกเหนื่อย เหนื่อยมากๆเหมือนสู้กับอะไรสักอย่างมา ก็มองไปรอบๆห้อง ไม่มีอะไรค่ะ ทุกอย่างปกติ ก็จัดของต่อไป เก็บกวาดของที่เปอะฝุ่น แล้วเราก็เจอกระดาษแผ่นนึง เป็นชิ้นกลางๆไม่เล็กมาก วางอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน เราตกใจมาก! ในนั้นเขียนว่า ” มีเพื่อนมาอยู่ด้วยแล้ว มาสนุกด้วยกันสิ คนที่แล้วเล่นด้วยไม่สนุกเลย ” คือเหมือนกับที่เราฝัน ก็พยายามคิดใครเข้ามาในห้องเราหรือป่าว แม่บ้านหรือป่าว หรือใครแแกล้ง เพื่อนเราบินกลับมาหรือป่าว คือพยายามคิดไปต่างๆนาๆหาเหตุผลมาวิเคราะห์ค่ะ ยังไม่เชื่อว่าเป็นผี เราเลยโทรไปหาเพื่อนที่ต่างประเทศ เพื่อนเราบอกไม่ได้บินกลับเพราะช่วงนี้ทำงานเก็บเงิน เราก็อ้าว แล้วใครละ .คือก็พยายามคิดว่าเราคิดมากไปเอง อาจจะติดมาจากหอเก่าเราก็ได้ ก็เลยไม่คิดอะไรแล้วตอนนั้น ก็มาอาบน้ำเพราะเหนื่อย เพลียจัดของ ทำความสะอาดห้อง ตอนเราอาบน้ำมีคนมาเคาะประตูห้องน้ำ เราก็ปกติค่ะลืมตัวว่าอยู่คนเดียว ตะโกนไปว่า ” ใครคะ? รอแแปปนึงอาบน้ำอยู่ ” อาบไปสักพักก็เคาะอีกค่ะ เราก็กำลังจะไปเปิด แต่มานึกขึ้นได้ว่า นี่ห้องเรา อยู่คนเดียว มีแค่เรากับเพื่อนที่ฝากงานให้เราที่มีกุญแจ แล้วคนอื่นเข้ามาได้ไง คอที่กลัวนี่ กลัวโจรค่ะ ไม่ได้นึกถึงผีเลย เราก็ปิดฝักบัว นิ่งๆเงียบๆ คอยฟังเสียงอีกครั้ง ทีนี้เป็นเสียงขูดประตูค่ะ ขูดแบบเหมือนเอาเล็บขูด ใจก็กลัวนะคะก็เลยตะโกนถามไปว่า ใคร !!! ไม่เล่นนะ ไม่งั้นจะโทรแจ้งตำรวจ เสียงตอบกลับมาเป็นเสียงหัวเราะค่ะ หัวเราะแบบดังมากๆๆ แล้วเสียงน่ากลัวมาก เราไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอสิ่งที่เค้าเรียกว่า ผี! ตอนนั้นสั่นไปหมดค่ะ สวดมนต์ก็ผิดๆถูกๆ เสียงขูดประตูกับเสียงหัวเราะก็ไม่หยุด เราแบบเริ่มไม่ไหวแล้ว เราเลยด่าไปว่า ” ยิ้มจะหยุดมั้ย ถ้าไม่หยุดกรูจะแช่งให้ไม่ไปผุดไปเกิดเลย กรูไม่สนุกกับยิ้มนะ กรูไปทำอะไรให้ อยากได้อะไรก็บอกกันดีๆ ไม่ใช่มาหลอกแบบนี้ ” สักพักเสียงหายเงียบสนิทเลยค่ะ เราเลยเปิดออกไปไม่มีอะไร หยิบพระมาวางไว้หัวนอน ไหว้พระสวดมนต์ แล้วก็นอน นอนได้สักพักมาอีกแล้วค่ะ เสียงเคาะริมระเบียง เคาะ ปึงๆๆ แล้วเปลี่ยนเป็นขูดกระจก ขูดจนรู้สึกเสียวฟันมากๆ เราแบบง่วงบวกโมโหหนัก คือจะชนใช้ไหม ได้! เราเดินไปกระชากผ้าม่านให้เปิดออกด้วยอารมณ์แบบ กรู!ไม่ไหวแล้ว จะหลอกเห้ไรนัก พอเปิดมาถึงกับทรุดเลยค่ะ เป็นผู้หญิงผมยาว นั่งขอบระเบียงแกว่งขาแล้วหัวเราะ ก่อนที่จะกระโดดลงไป ภาพนั้นทำให้เราช๊อค ถึงขั้นเข้า รพ. คือเราเห็นภาพนั้นแล้วสลบไปค่ะ เพื่อนเห็นว่าโทรหาแล้วเราไม่รัสายก็เลยมาหาที่คอนโด เจอเรานอนอยู่ข้างเตียงก็เลยพาส่ง รพ. เราเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนเราก็ บอกว่าเราคิดมากหรือป่าว คือเข้าใจนะคะเรื่องแบบนี้พิสูจน์ยาก หลักฐานก็ไม่มี มันเป็นวิณญาณอะจะให้หาอะไรให้ดู ก่อนเราออกจาก รพ. เราให้เพื่อนพาไปถวายสังขทานค่ะ เพราะเป็นวันเกิดเราบวกกับเรื่องที่เจอเมื่อคืนเลยรู้สึกแย่มากๆ พอเข้าไปถึงหลวงพ่อบอกเราว่า ดีนะเมื่อคนโยมยังรอดมาได้เพราะโยมมีบุญพ่อแม่คุ้มครอง เค้าเลยได้แค่หลอกให้เรากลัว หลวงพ่อท่านบอกเราว่าเราวัย เบญจเพสแล้ว ปีนี้เราดวงตกมากๆๆๆ ตกแบบชะตาขาดได้เลย ให้เราหมั่นทำบุญเยอะๆ เราก็บอกว่าเค้าจะเอาอะไรจากหนูค่ะ หลวงพ่อบอกว่า วัยเบญจเพสคือเป็นช่วงที่เคราะห์กรรมชาติที่แล้วจะถาโถม เป็นช่วงชดใช้กรรมที่เคยทำมา บวกกับเราดวงตก บางคนจะไปทางเจ็บตัวคืออุบัติเหตุ บางคนจะสื่อหรือเห็นวิณญาณได้ เราเป็นอย่างหลัง ช่วงดวงตกภูติผีต้องหาคนคล้ายๆตัวตายตัวแทน มองพวกเค้าเห็นสื่อได้บวกกับเราดวงตกสุดๆ พระท่านบอกว่าจะเห็นอย่างที่คนอื่นเค้าไม่เห็น ทำอะไรก็ซวย พระท่านให้น้ำมนต์เราไปรดห้อง แล้วให้เรากิน ก่อนเราจะกลับ พระท่าเดิมตามแล้วพูดว่า ” โยม อัตมาขอบิณฑบาตนะ อย่าทำบาปเลยเค้าไม่ได้ไปทำอะไรให้โยมก็อย่าจองเวรเค้า ” แล้วพระท่านหันมาพูดกับเราว่า ” โยม เค้าไม่ยอมไปนะ เค้าเอาถึงตาย ” ก็กลัวสิคะ ท่านพูดขนาดนี้ ท่านเลยบอกให้ดื่มซะ ดื่มน้ำมนต์ที่ให้ไป แล้วท่านก็เดินไปสวดๆแถวๆรถเรา แล้วบอกเราว่า ขับระวังๆนะ ไม่ต้องห่วงโยมถึงบ้านปลอดภัยแน่ เราก็กราบท่าน ลาท่านกลับบ้านค่ะ คืนนี้เราขอให้เพื่อนเรามานอนด้วย คือไม่กล้านอนคนเดียว ตอนจะกลับห้องเราไปซื้อของที่ตลาดค่ะ อยู่ๆมีน้องคนนึงมาดึงมือเราแล้วบอกเราว่า ” แม่ผมเรียก ให้ไปหาหน่อย ” เราก็ถาม แม่น้องใครคะ น้องบอกเป็น หมอดู เพื่อนเราก็บอกลองดูๆ เราก็เลยเดินไปค่ะ ยังไม่ทันนั่ง ป้าก็พูดขึ้นว่า “ยิ้มตามเค้ามาทำไม ไปอยู่ในที่ๆของยิ้มซะ” เราก็หันไปมองคือ ป้าหมอพูดกับใคร ตรงนั้นไม่มีใครนะคะ มีแค่เรากับเพื่อนแล้วก็น้องผู้ชายที่มาเรียกเรา ป้าหมอบอกเราว่า ดวงเราตกมาก ไปไหนก็จะมีแต่วิณญาณตาม คือวิณญาณมีทุกที่ค่ะ เราไปจุดที่มีวิณญาณเค้าก็จะตามเรา เพราะเราเห็นเค้าบวกกับดวงตก เราเลยถามป้าหมอว่า หนูต้องทำยังไง เค้าต้องการอะไร ป้าหมอบอก เค้าจะเอาหนูไปแทนพวกเค้า หนูก็เริ่มกลัวละ คือกว่าจะพ้นปีไม่ใช่เวลาน้อยๆเลย ป้าหมอบอกให้เราไปต่อดวงชะตา และทำบุญซะ แล้วป้าหมอให้เหรีญเรามาเหรียญนึง เป็นเหรียญ ร.5 ให้เราพกติดตัวไว้ แล้วหมั่นบูชาท่าน ป้าหมอไม่เอาเงินเราสักบาทเดียวนะคะ แถวบอกวิธีให้อีก เราก็ไหว้ป้าหมอแล้วกลับห้องกัน ขณะขับรถ ได้ยินเสียงเคาะค่ะ เคาะหลังรถ เราก็เลยหันไปมองหน้ากันแบบใคร? ใครเคาะ ? เราก็เลยหยิบเหรียญยกมือขึ้นไหว้ แล้วพูดว่า “ช่วยปกป้องคุ้มครองพวกหนูให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง อย่าให้ทีภูติผีตัวไหมมาทำอันตราพวกหนูได้ด้วยเถิด” พอเราพูดจบ มาเป็นเสียงกรี๊ดค่ะ กรี๊ดร้องดังมากแล้วก็หายไปเลย ทุกคนอึ้งค่ะ แบบไม่น่าเชื่อท่านช่วยได้จริงๆ
หลังจากกลับมากลับมาคอนโด รุ่งเช้ารีบตื่นมาใส่บาตร รู้สึกดีขึ้นมาอีกนิดนึง เหรียญก็พกไว้ตลอดถึงกันได้ไม่มาก ก็ยังพอช่วยใจ เราเก็บของจากการใส่บาตรกำลังจะขึ้นคอนโด ทางลิฟค่ะ รู้สึกว่าอยากขึ้นบรรได คอตอนนั้นรู้สึกว่าอยากขึ้นไปทางบรรได้มากๆ ก็เดินขึ้นไปปกติค่ะ สัพพักได้ยินเสียงเด็กอยู่ชั้นล่างจากเราไป 1 ชั้น เหมือนเค้าวิ่งเล่นกัน แบบวิ่งขึ้นมาชั้นเราอะคะ เราก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าลูกของคนที่อยู่คอนโดนี้ สักพักเสียงมาอยู่ข้างหลังเรา เป็นเด็ก ผญ 2 คน กำลังหัวเราะ เราก็หันไปมอง เค้าสองคนก็กรี๊สใส่เราแล้ววิ่งขึ้นบรรไดผ่านเราไปอ่ะค่ะ เราตกใจมาก คือใจวูบเลย ทำให้เราก้าวขาพลาดแล้วตกบรรไดลงมา บนจะซวยคือซวยสุดๆ นั่งร้องไห้ตรงนั้นแบบเราทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ สรุปวันนั้นต้องใส่เผือกค่ะ นอน รพ. อยู่ 3 วัน วันแรกที่นอนเนี่ย ยังไม่เกิดอะไรขึ้นนะคะ พอ วันที่ 2 ป้าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ที่ห้อง เอาพวกผ้าเก็บไปซัก แล้วถูห้อง ป้าเค้าก็พูดกับเราว่า “น้อง แฟนน้องดีจัง เฝ้าน้องทั้งคืนเลย” เราก็บอก อะไรนะคะป้า หนูยังไม่มีแฟนเลย มีแต่เพ่อนหนูค่ะเป็น ผญ ที่มาเยี่ยม ป้าบอก “ป้าเห็นจริงๆ ป้าผ่านห้องหนูทีไร ผช. คนนั้นเดินเข้าเดินออกห้องหนูตลอด เมื่อเช้าประมาณ 6 โมงกว่าๆ ป้าเห็นหนูนอนหลับ เค้าก็นอนข้างๆหนูเลย ป้าก็เรียกเข้าบอกเด๋วพยาบาลเข้ามาเห็นเค้าจะด่า” ตอนนั้นช๊อค พร้อมร้องไห้ออกมาเลยค่ะ เราก็ยืนยันไปว่าเราไม่มี ไม่เคยเห็น ป้าก็ช๊อคตาม คือป้าบอกหนูอย่าล้อป้าเล่นนะ ป้าขนลุก คือตอนนั้นเราโทรหาเพื่อนบอกอยากออกจาก รพ. แล้ว ไม่นอนแล้ว แต่หมอบอกเราว่า อยากน้อยต้อง 2 คืน รอดูอาการก่อน และเราไม่ได้เล่าให้หมอฟังไงคะ เล่าไปเค้าคงไม่เชื่อเลย คืนนั้นเราไม่หลับเลยค่ะ ระแวงไปหมด ได้ยินเสียงไรคือสั่นไปเลย เราก็เอาหนังสือสวดมนต์มาอ่าน เปิดไฟหมดทุกดวง และเพื่อนเราก็มาค่ะ มาดึกเพราะเค้ากว่าจะเครียงานเสร็จ เราก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่า พี่ที่ทำงานฝากพระมาให้เรา บอกให้เราเอามาบูชา ใส่ติดตัวไว้ป้องกันสิ่งไม่ดี ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ถาม ไม่ได้คิดว่าพระจากไหนอะไรยังไง คือดีใจไว้ก่อน สักพักพอเรานอน รู้สึกเหมือนคนมาเรียกเราค่ะ เราก็สะลึมๆสะลือหันไปตามเสียง เห็นเป็น ผช. ค่ะ เหยียบอยู่บนออกเรา แล้วค่อยๆก้มลงมาหาเรา เราจะกรี๊ดก็กรี๊ดไม่ออก ขยับตัวก็ไม่ได้ และทีนี้มาทรอบเตียงเลยค่ะ แบบร็สึกได้ว่าเตียงสั่นมากๆ เราก็น้ำตาไหล แบบเราก็หายใจไม่ออกแล้ว เรียกใครก็ไม่ได้ยิน ขยับก็ไม่ได้ สวดมนต์ก็ไม่ไป และเค้าพูดกับเราค่ะว่า ไปอยู่กับกูๆๆๆ เราก็คิดในใจกรูต้องมาตายแบบโดนผีหลอกเหรอวะ ตอนนั้นนึกถึงพ่อแม่เลยค่ะ คิดในใจแม่ช่วยหนูด้วย พ่อช่วยหนูด้วย แล้วน้ำตาก็ไหล อยู่ๆหลุดเลยค่ะ คือแว๊ปหายไปหมดเลย เราก็ร้องไห้เสียงดังเลย เพื่อนก็ตื่นมาถามว่าเป็นอะไร เราก็เล่าไปร้องไห้ไป คือเรามาจากต่างจังหวัด เรียนจบกะมาทำงานไม่อยากรบกวนพ่อแม่ พอเกิดเรื่องแบบนี้ก็เลยทรไปหาท่านค่ะ ก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แม่ก็บอกเราว่าวัยนี้ทำอะไรต้องระวัง เค้าบอกเราว่าจะไปหาพระให้เค้าดูดวงเราให้ ระหว่างนี้เราบอกพยายาบค่ะว่าอยากกลับแล้ว เดี๋ยวไปพักฟื้นที่บ้านดีกว่า
หลังจากกลับมาอยู่ที่คอนโด เราก็โทรหาผู้จัดการที่โรงแรม ขอลาป่วยค่ะ แต่ไม่ได้เล่าอะไรมากบอกแค่ว่าเราเกิดอุบัติเหตุตกบรรได คุยกับผู้จัดการเสร็จเรียบร้อย เราก็กำลังจะอาบน้ำ อยู่ๆตาขวาเราเหลือบไปเห็นเงาลางๆทางด้านขวาค่ะ เราก็หันไปก็ไม่มีอะไร คือตอนนั้นเรายังมีสตินะคะ คิดว่าคงคิดไปเองเพราะเพิ่งเจอมาที่ รพ. เค้าคงไม่ตามมา การอาบน้ำลำบากมาก เราก็ต้องค่อยๆกระเพกๆไปเรื่อยๆ ขาก็ต้องเอาพาด ไม่ให้โดนน้ำ สักพักมีเงายืนอยู่หลังม่านที่เราอาบน้ำ เราก็ตกใจร้อง หันไปอีกทีก็ไม่เห็นแล้ว เราก็นึกถึงพระที่เพื่อนเอามาให้ พร้อมพูดว่าเช้าจะทำบุญไปให้ ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น เราเปิดไฟนอนนะคะ กินยาไปก็เริ่มง่วง อยู่ๆขาที่เราใส่เฝือกโดนกระชากอย่างแรง จนเราเกือบตกเตียง เราก็ลุกขึ้นมามองก็ไม่มีอะไร แต่ได้ยินเสียงเปิดน้ำ คือตอนนั้นไม่ลุก ไม่ทำอะไรทั้งนั้น จะนอนก็ไม่กล้านอน หยิบโทรศัพโทรหาแม่เลยค่ะ ตอนนั้นนึกถึงแม่อย่างเดียว เจ็บขาก็เจ็บ ครั้งแรกไม่รับค่ะเหมือนสายไม่ว่าง สักพักแม่โทรกลับเราก็แม่ว่าไม่ไหวแล้ว อยากกลับบ้าน คือร้องไห้ใหญ่เลยค่ะ โทษตัวเองต่างๆนาๆว่าชาติที่แล้วฉันไปทำอะไรให้นักหนา ชาตินี้ก็ทำแต่บุญทำไมถึงต้องเจอแบบนี้ คือทุกคนคิดตามนะคะ คนเจอแบบนี้เล่าให้ใครฟัง เค้าก็ไม่เชื่อค่ะ หาว่าเราบ้า ผีไม่มีจริงบ้างไรบ้าง มันเลยอึดอัด พูดกับใครไม่ได้ โชคดีที่เรายังมีเพื่อนที่ดีค่ะ มีแม่คอยช่วย ไม่งั้นเราต้องบ้าแน่ๆเจอแบบนี้ ต่อนะคะ แม่ก็บอกเราว่าให้เราใจเย็นๆ ตั้งสตินะ แล้วฟังเรื่องที่แม่จะบอก คือแม่ไปหาพระ เอาดวงไปดู คือเราอะด้วยวัยเบญจเพสด้วย ดวงตกด้วย เลยกลายเป็นเคราะห์หนักมากๆ พอจิตตกทำให้เราสื่อเรื่องพวกนี้ได้ง่าย บวกกับผีที่เราเจอคือผีพวกตายโหงอะค่ะ พวกผีเฮี้ยนๆ แม่บอกเราว่าเกิดเรื่องซวยแบบนี้อย่าไปรับของใครสุ่มสี่สุ่มห้า บอกแล้วๆงให้ระตัว เราบอกหนูรับของอะไร ? แม่บอกเราว่าพระท่านบอกว่าผีที่ตามเราตั้งแต่เราตกบรรไดหรือที่โรงบาลหน่ะ มันมากับพระ เราก็ตกใจผีมากับพระได้ด้วยเหรอ เค้าบอกว่าพระทำมาจากกระดูกผีตายโหง ซึ่งพระกับคุนไสยคนละอย่าง ที่เราได้มาหน่ะคือคุนไสย ทีนี้จิตใจเราหนักกว่าเดิม โอ๊ยยฉันมีแต่เรื่องจริงๆ แต่เราไม่ได้โทษเพื่อนนะคะ เราคิดว่ามันหวังดีแหละค่ะ มันก็คงไม่รู้แบบเรา เราเลยถามแม่ว่าจะให้หนูทำไงดี หนูไม่อยากอยู่นี่แล้ว หนูกลัว อยากกลับบ้าน แม่บอกไม่ต้องลงมาหาแม่นะ เด๋วแม่ขึ้นไปรับกับพ่อ เราก็โอเคตกลงกับแม่เรียบร้อย ทีนี้เริ่มหาสร้อยพระ จำได้ว่าเอาวางไว้บนหิ้ง หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ คือตอนนั้นเพลียมาก ด้วยฤทธิ์ยาด้วยเราเลยหลับไป แล้วเราฝันว่ามีผู้ชายคนนึง แต่งตัวแบบสมัยก่อน ผมแสกกลาง มือถือดาบ ตัวสีทองไปทั้งตัวเลยค่ะ เค้าก้มมาจับที่หัวเรา บอกเราว่า มีคนส่งมาช่วยเอ็ง กูจะไม่ให้ใครทำอันใดได้ดอก ตอนนั้นเรานึกถึงแม่เลยค่ะ แม่บอกแม่ไหว้พระนเรศวรไว้ ที่บ้านบูชาท่านค่ะ อยู่ในห้องพระ กราบท่านที่เท้าแล้วก็จำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ตื่นมาอีกทีคือเช้า แล้วรู้สึกว่าเราหลับสบายมากๆ
หลังจากเราตื่นได้สักพัก ก็ยังง่วนกับการหาพระ หาเท่าไหร้ก็หาไม่เจอ ก็จำได้ว่าวางไว้บนหิ้งพระ หาจนเหนื่อยก็พัก เพราะเจ็บขา คือเราอะนั่งอยู่หน้ากระจก ข้างหลังเราเป็นเตียงถัดไปก็เป็นตู้ทรงโบราณค่ะ เป็นตู้เสื้อผ้า คือเราแวปแรกที่เรานั่งหน้ากระจกเนี่ยเห็นเป็นคนนั่งห้อยขาลงมา เราก็หันไปดูคือไม่มีใครเลย ทีนี้เริ่มระแวงละโทรหาแม่ บอกมาถึงหรือยัง แม่บอกถึงปากซอยแล้ว เราก็รีบเก็บของเลย คือกะแม่เรามาเราจะไปทันทีเลย พอแม่เรามาถึง คือมีลุงคนนึงมาด้วย พ่อเราบอกลุงเค้าเป็นล่างทรงให้พ่อปู่ คือท่านเป็นสายขาวอะค่ะ ถือศีล พ่อลุ่งเดินเข้ามา ลุงบอกก่อนเลยว่า มีหลายตัวมาก และเฮี้ยนมากด้วย เค้าก็ถามเราไปเอาพระมาได้ไง เราบอกพี่ที่ทำงานให้มาป้องกันตัว เค้าก็หัวเราะ บอกเราว่าพระหน่ะคนให้เค้าไม่ได้คิดดีกับเราเสมอไปนะ พระคือพระ ผงกระดูกผีก็คือกระดูกผีมันคนละอย่างกัน เค้าบอกเราว่าหาของไม่เจอใช่ไหม เราบอกใช่ หามาทั้งคืน ลุงบอกเราโชคดีนะที่ท่านมาช่วยเราเมื่อคืน ขาเราก็เจ็บไม่งั้นเราอาจตายก็ได้ ลุงก็หยิบมีดออกมาในย่ามค่ะ เป็นเล่มสั้นๆ และมีพวกอักขระเต็มเลย มาจี้ที่หัวเรา แล้วไปจี้ที่หน้าประตูห้อง ตามตู้ ห้องน้ำ เชื่อไหมคะ ได้ยินเสียงร้องแบบประสานเสียงมาก คือดังมากกกกกๆ พ่อกับแม่เราก็ได้ยิน คือเรากระเพกไปกอดแม่เลย ลุงบอกเราว่า กว่าจะพ้นปี เจออีกเยอะแน่ๆ ปีนี้เราซวยทั้งปี แถมเพื่อนร่วมงานยังคิดไม่ดีกับเราอีก คือทำอะไรก็ซวยอะค่ะ ก็ไม่อยากลาออกจากงาน เงินมันดีค่ะ และเดี๋ยวนี้งานหายากมากๆ ลุงบอกให้เรากลับไปอยู่บ้านจนกว่าขาเราจะหาย แล้วค่อยกลับมาทำงาน คือก็ตกลงค่ะเพราะลางานแล้วเรียบร้อย ก่อนกลับลุงบอกให้เราก้มไปหยิบพระที่ใต้เตียง เราก็บอกนะคะว่าไม่มีเราหาหมดแล้ว ลุงบอกให้เราก้มดู คือเจอจริงๆค่ะ คืออึ้งมากๆ เมื่อคืนก็หาแล้ว เมื่อเช้าก็หาทำไมไม่มี ลุงบอกมันบังตาเอ็งละสิ ลุงทิ้งยันก่อนเรากลับไว้ที่หน้าประตูแผ่นนึงค่ะแล้วก็ท่องคาถา แล้วแปะไว้หน้าห้อง ลุงบอกกันไว้ดีกว่าแก้
.หลังจากที่เรานั่งรถกลับบ้าน ก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆบนรถค่ะ มีเสียงเคาะรอบรถเลย ลุงบอกว่าอย่าไปสนใจมัน มันยังทำอะไรเราไม่ได้หรอก มันแค่หลอกให้เรากลัว คือลุงบอกว่าเราเจ็บแค่นี้ถือว่าบุญมากแล้ว ยังไม่ถึงกับชีวิต ผีร้ายๆบางตัวอยากเอาเราไปเป็นตัวตายตัวแทนก็มี คือถ้าเราไปแทนเค้า เค้าก็จะได้ไปอยู่ที่ดีกว่านี้ หรือได้ไปเกิด ลุงเค้าสอนเราหลายอย่างมาก ไม่ให้ท้อ ให้เราสู้กับปัญหาชีวิต ให้เรามองพ่อกับแม่ไว้ ดูปัญหาที่เราเจอเป็นตัวอย่างและหมั่นทำความดีไว้เยอะๆ พอเราถึงบ้านอย่างแรกเราเข้าไปห้องพระก่อนเลย ไปไหว้ท่านที่มาช่วยเราแล้วก็พระ นั่งสมธิสักพักนึง เราก็เข้าห้องเราไปนอน คือบ้านเราไม่มีศาลไว้หน้าบ้านนะคะ มีแต่ห้องพระ พอเรานอนเนี่ย เราฝันเห็น ผญ คนนึง มาเรียกเราที่หน้าบ้าน คือเข้ามาในรั้วนะคะ แต่ไม่ได้เข้ามาในตัวบ้าน ตอนมาเรียกเรา เราอยู๋ในบ้านแล้วเปิดหน้าต่างไปคุยค่ะ เราก็ถามเค้าว่าใคร เค้าบอกว่าเค้าขอมาอยู่ด้วย เราบอกว่าแล้วบ้านเธออยู่ไหน มาขออยู่กับเรา ในความฝันแม่เราเดิมมาถามเราค่ะว่าคุยกับใคร เราบอกคนนี้มาขออยู่ด้วย แม่ก็ดุเราบอกให้เข้าบ้าน อย่าไปคุยกับเค้า แล้ว ผญ คนนั้นก็กรี๊ดค่ะ แล้วพูดว่า “กรูไม่ปล่อยมรืงไว้แน่ กรูจะเอามรืงถึงตาย” ในฝันนี่ตกใจมาก เราตื่นเพราะเสียงแม่มาปลุก บอกเราว่าจะพาไปบ้านลุง ลุงคนที่เป็นล่างทรงอะค่ะ บอกว่าให้เราไปทำพิธี พอเราไปถึงคือมีพวก พระ พวกรูปปั้นเยอะแยะมากมาย เค้าก็ให้เราไหว้ก่อนแล้วค่อยมาทำพิธี ลุงบอกใก้เรากินน้ำมนต์ แล้วท่องตามลุง บอกตรงๆเลยค่ะตอนเรากินน้ำมนต์เรารู้สึกอึดอัดมาก แล้วเราก็อ้วกออกมาค่ะ อ้วกเยอะมากจนพ่อกับแม่เราต้องเอาถังน้ำมาลอง แล้วรู้สึกเลยว่าเหม็นมากๆ อ้วกจนเหนื่อย ลุงก็พูดว่า “ไงละโดนของมันไปแล้วสิ เอ็งมองดูที่อ้วกเองสิ” พอเรามอง คือแบบน้ำเป็ฯสีเขียวๆเหลืองค่ะ และกลิ่นไม่ไหวมากๆ เราก็ถามเค้าคืออะไร ลุงบอกมันคือน้ำเหลืองผีตายโหง
ความรู้สึกแบบ โอ๊ยย จะเป็นลม พวกนี้มาอยู่ในตัวเราได้ไง ลุงบอกก็พระไง ที่เอ็งไปรับของมา พออ้วกเสร็จลุงบอกให้เราสวดมนต์ตามลุง บทพาหุงค่ะ สวดไปได้ไม่นานเริ่มรู้สึกไม่อยากสวด เริ่มหงุดหงิด อึดอัด เวียนหัวไปหมดค่ะ ลุงบอกว่ามันยังไม่ออก แล้วเค้าก็หันไปหยิบมีดแล้วมาจี้ที่หัวเรา คือจำได้ว่าเป็นเสียงกรี๊ดแต่ไม่ใช่เสียงเราแน่ๆ เราก็สลบไป พอตื่นมาลุงก็บอกว่ามันออกไปแล้ว เราก็ถามว่าเราโดนผีเข้าเหรอคะ เค้าบอกไม่เชิงผีเค้า แต่เค้ามาอาศัยอยู่ร่างเรา เราเลยถามว่าเราต้องทำยังไงบ้างหลังจากกนี้ ลุงบอกห้ามขับรถเอง ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียว อย่างน้อยไปกับคนอื่นหรือให้คนอื่นขับรถให้ก็ยังดีกว่า เพราะดวงเค้าดีกว่าเรา เสร็จจากตรงนั้นเราก็ได้สายศิลป์มาผูกที่แขนค่ะ สร้อยพระเส้นนั้นก็อยู๋ที่ลุงค่ะ เราไม่ได้เก็บไว้แล้ว กลับมาถึงบ้าน อาเราก็มาบอกว่ายายเข้า รพ. แม่กับพ่อเราก็ต้องไป แต่พ่อให้ลูกของอามาอยู่เป็นเพื่อนเราที่บ้านแทน เรานั่งดูทีวีกัน เราก็กินยาไปเริ่มง่วง ก็เผลอหลับแต่ไม่ได้สนิทดีนะคะ ก็รู้สึกเจ็บที่ขามากๆ ขาข้างที่เราใส่เผือก ในใจเราคิดว่าหลานเรา เราก็พูดไปว่า อย่าเล่นแบบนี้ พี่เจ็บขาอยู่ สักพักคือเจ็บหนักกว่าเดิมแบบปวดมากๆเหมือนมีใครมากดไว้ พอเราลืมตามอง เป็น ผญ . ผมยาวยืนเหยียบขาเราอยู่ แล้วหัวเราะ เราก็น้ำตาไหลด้วยความเจ็บ แล้วเค้าก็ขย่มๆที่ขาเรา เราก็หันไปจะเลี้ยงหลาน พูดก็ไม่ออกค่ะ ขยับก็ไม่ได้ เราก็สุดจะทนเลยด่าไปหยาบๆคายๆ คือด่าในใจอะค่ะ เพราะปากขยับไม่ได้ เราเลยนึกถึงท่านที่อยู่ห้องพระให้ช่วยเราด้วย สักพักมีแสงเป็นสีทองเหลืองๆ แล้วเสียงกรี๊ดของอิผี ผญ. เราก็หลุดเลยค่ะเป็นปกติ ทีนี้เราเริ่มจิตตก คือนอนกรูก็เจอหลับก็เจอ เหมือนคนจะเป็นบ้า เป็ฯโรคประสาทอะค่ะ ระแวงไปหมดทุกอย่าง
หลังจากที่เราหลุดจากตรงนั้นมาได้ รู้สึกเจ็บขามาก พอมองขาตัวเองคือเผือกแตก ช่วงด้านบนค่ะเลยโทรหาแม่ให้พาไปหาหมอ หลังจากหาหมอเสร็จคือต้องนอน รพ. 3 วันค่ะ เพราะมีโอกาสที่จะกระดูกเคลื่อนมีสูง แถมหมอยังตรวจว่าเราพักผ่อนไม่เพียงพอ เลยบอกให้เรานอน แม่เรามาเฝ้าไม่ได้เพราะต้องดูร้าน พ่อเราก็ป่วย เราก็เลยบอกไม่เป็นไรเราอยู่ได้ เหรียญกับพระเราก็พกมา ถึงเวลาพยาบาลให้ยา เราก็กินปกติ ซึ่งยานี้พยาบาลบอกจะรู้สึกง่วง คือหมออยากให้เราพักผ่อนเยอะๆ ก่อนพยาบาลออกไปเนี่ย เค้าบอกว่าจะมีพยาบาลเข็นเตียงผู้ป่วยมานะคะ คือห้องที่เรานอนเนี่ย เป็นห้องพิเศษเตียงคู่อะคะ คือห้องนึงจะมีผู้ป่วย 2 คน แล้วมีผ้าม่านกั้นไว้ เราก็ตอบค่ะๆๆ ในใจก็หวั่นๆว่าเค้าจะเป็นยังไง อีกใจก็คิดในแง่ดีไว้ก่อนคือเราจะได้มีเพื่อน ตอนนั้นประมาณ 2 ทุ่มค่ะ ครึ่งชม.ได้ พยาบาลก้เข็นคนเข้ามาอีกเตียง ตอนนั้นยังไม่ปิดม่านนะคะ เราก็เห็นเป็นป้าแก่ๆ นอนอยู่ใช้เครื่องช่วยหายใจ คือแกผอมมากๆค่ะหนังติดกระดูกเลย พอเปลี่ยนเตียงเสร็จ พยาบาลก็หันมาบอกเราว่า ไม่ต้องกลัวนะคะ เค้าชื่อป้าสังวาล แกเป็นอัมพาตค่ะ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด แล้วเค้าก็ปิดม่านให้เรา เราก็ดูทีวีไปสักพักกะง่วงสุดๆแล้วค่อยหลับ เราไม่อยากแบบสลึมสะลือแล้วค่อยนอน อยู่ๆได้ยินเสียงตะโกนมาคะ “กูหนวกหู!!” คือรู้สึกขนลุกมาก หรือเราหูแว่ว เสียงใคร? เราก็ยังไม่ปิดทีวีนะคะ ยังดูต่อ สักพักผ้าม่านล่นออกค่ะแบบเหมือนโดนกระชาก คือผ้าม่านมันล่นตรงข้างๆเห็นหน้าป้าเต็มๆ เราก็แบบกลัวค่ะ ไม่มีเสาน้ำเกลือไปดันปิด จะลงจากเตียงไปปิดก็ลำบาก โชคยังดีค่ะพยาบาลเข้ามาพอดี เค้าเลยเลื่อนปิดให้ แล้วหันมาถามเราว่า เมื่อกี้ฉันลืมปิดให้เหรอคะเนี่ย คืออยากให้ผูกปิดไว้เลยยิ่งดีค่ะไม่อยากเห็น พยาบาลก็มาปิดไฟปิดทีวีค่ะ ความรู้สึกเริ่มง่วงก็กำลังจะหลับได้ ได้ยินเสียงกุกๆกักๆตรงตู้เย็น เราก็แบบเสียงอะไร ใคร? ป้าแกก็นอนอยู่หนิแถมลุกก็ไม่ได้ เราก็คือสวดมนต์และค่ะ ไม่สนใจอะไรแล้ว สักพักเสียงเงียบไป เราเลยคุมโปง ความรู้สึกแบบมีคนมาหายใจข้างๆหูเรา เป็นแบบเสียงหอบๆหน่อย เราก็กำมือแน่นเลยค่ะ กลัวมาก แล้วได้ยินเสียงพูดว่า “กูหิว ๆ ๆ” เราก้ไม่กล้าเปิด ร้องไห้กลัวสุดๆ ทีนี้กลายเป็นตรงปลายเท้าเราเหมือนมีคนเดินขึ้นมาบนที่นอนเรา ความรู้สึกได้เลยค่ะ แล้วมาเหยียบที่ขาเรา เราก็ร้องโอ๊ยยย ด้วยความเจ็บปวด เปิดผ้าห่มจะมาดูที่ขาเรา เห็นผ้าม่านล่นอีกแล้วค่ะ มองไปปลายเตียงเห็นเงาดำๆยืนอยู่ แล้วเอามือเค้ามาจับที่ขาเรา เราก็ร้องเรียกพยาบาลเลยค่ะ คือตอนนั้นกลัว แบบไม่ไหวแล้ว ฉี่ราดเลยค่ะ เข้าใจหนังที่กลัวจนฉี่ราดเลย เรียกหลายครั้งก็ไม่มีใครมา เหมือนไม่ได้ยินอะค่ะ เราก็เอามือจับที่คอคือพระหาย จำได้ว่าพยาบาลเช็ดตัวให้เราก็ลืมใส่ ทีนี้เค้าก็ปีนขึ้นมาอยู่บนเตียง ยืนอยู่บนเตียงแต่ปลายเตียงอะค่ะ เราก็แบบเห็นหน้าชัดมากๆ เป็นป้าข้างๆเตียง เราก็พูดไปร้องไห้ไป บอกมาทำหนูทำไม หนูไปทำไรให้ ป้าอย่ามาหลอกหนูเลย คือแกเป็นอัมพาตแต่กลางคืนแกลุกมาได้ไง ป้าก็หัวเราะค่ะ แต่เสียงนี่หวีดมาก คือหมายถึงเสียงแกเป็นเสียงแบบวี๊ดๆค่ะ เสียงเหมือนเปรตร้อง แล้วเอามือจับที่ขาข้างที่เราเจ็บ แล้วมายืนเหยียบตัวเราแล้วนั่งยองๆ เราก็รู้สึกอึดอัด รู้สึกหนักมาก แกก็ร้องค่ะแบบร้องวี๊ดๆๆ ค่ะเรานึกขึ้นได้ว่ามีปุ่มเรียกพยาบาล เราก็เอื่อมไปกด กดซ้ำหลายๆรอบ คือก็เริ่มร้องไห้โวยวายแล้วค่ะ เราเอามือปิดตาร้องไห้ แต่มือก็ยังกดเรียกพยาบาลนะคะ พอพยาบาลมาถึงก็มาถามเราค่ะเป็นอะไรๆ เราก็ไม่ฟังใครค่ะ พูดอย่างเดียวว่าเอาป้าออกไปๆ เอามันออกไป พยาบาลก็กดเรียกพยาบาลมาช่วยจับเราคือเราก็ดิ้นๆๆ เหมือนเราสติหลุดแล้ว เหมือนคนบ้าเลยค่ะ กรีดร้องแล้วก็ร้องไห้ บอกว่าป้ามาหลอกเรา ๆๆ พยาบาลบอกให้เราใจเย็นๆ ไม่มีอะไร ให้มองดูป้า ป้าเค้าเดินไม่ได้นะคะ และพยาบาลก็ปลอบเราแล้วก็ฉีดยาไปที่แขนค่ะ คาดว่าคงเป็นยานอนหลับค่ะ และสักพักเราก็หลับเลย
จากเรื่องเมื่อคืน เราก็ลืมตากะจะลุกแล้วโทรหาแม่ แต่ได้ยินเสียงคนคุยกันค่ะ ที่ปลายเตียงเราแต่ม่านยังปิดอยู่นะคะ เหมือนหมอพูดกับแม่เราว่าเรามีประวัติทางประสาทไหม ให้ลองพาเราไปคุณกับหมอจิตแพทย์ดู คือ ณ ตอนนั้นน้ำตาไหลออกมาเลยค่ะ ร้องเงียบๆ คือฉันเหมือนคนบ้าเหรอ ฉันไม่ได้เป็นโรคประสาทนะ คือสมเพชสภาพตัวเองมากโดนมัดแขนผู้กับที่กันเตียงไว้ทั้งสองข้าง ชีวิตฉันเป็ฯขนาดนี้เลยเหรอ ก็ร้องไห้เสียใจในชีวิตตัวเอง คือเรื่องแบบนี้พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะ พูดยังไงเค้าก็มองว่าเราบ้า พอพวกเค้าคุยกันเสร็จก็เดินเข้ามาหาเรา เราก็บอกแม่หนูอยากกลับ หนูไม่ได้บ้า หนูเจอจริงๆ ป้าข้างๆเตียงเค้ามาหลอกหนู แม่เชื่อหนูนะๆ แม่เราบอกจ้าๆ คือขาเราก็ยังไม่หายแม่เราก็ยังไม่อยากให้เรากลับบ้าน กลัวจะหนักกว่าเดิม เราบอกเราอยู่นี่หนักกว่า คือยอมรับคิดไปถึงเรื่องอยากตายเลยค่ะ สุดๆและหนักจริงๆกับการเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น แม่เราบอกใจเย็นๆ กลับไปก็ต้องเจออยู่ดี เหมือนเราไม่มีทางให้เลือกอะคะ ดวงตกเป็นแบบนี้นี่เอง เราก็บอกแม่เราว่าให้แม่มาเฝ้าเรานะ แม่บอกว่าได้ๆ แต่มาดึกเพราะแม่เราต้องเฝ้าร้านและกว่าจะปิดร้านก็ดึก เป็นแม่ค้าอะค่ะถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงินกิน พอแม่เราออกไปได้สักพัก ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาค่ะ น่าจะเป็นแม่บ้านกับพยาบาล มาที่ข้างๆเตียงเรา คือเหมือนกำลังช่วยกันทำอะไรสักอย่าง และแม่ป้าก็พูดว่า “ไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไรของแกเนอะ แกต้องมานอนทรมานแบบนี้ ลูกหลานก็ไม่มาดูแล” และพยาบาลก็พูดว่า “โถ่วป้า หนูเห็นเค้าพูดกันว่าเมื่อก่อนแกทำกับแม่แกไว้เยอะ พอแกป่วยก็ไม่มีคนมาดูแล เดินก็ไม่ได้ กินก็ไม่ได้ ต้องมาใช้เครื่องช่วยหายใจแบบเนี้ย ” ป้าก็บอกว่า “ผ้าปูเตียงก็ต้องมาเปลี่ยนให้แกทุกวัน ข้างในแกก็ไม่เหลืออะไรแล้วนะหนู หลังแกเน่าไปหมดแล้ว” เราก็ด้วยความอยากรู้นะคะ พูดกันซะขนาดนี้ ค่อยๆลงจากเตียงแล้วค่อยๆแหวกม่านออก ภาพที่เห็นคือพยาบาลกับป้าแม่บ้านกำลังพลิกตะแคงให้ยายสังวาลหันหน้าไปทางประตู แล้วหันหลังมาทางเราอะคะเพื่อเปลี่ยนผ้าปูที่นอน สิ่งที่เราตกใจคือ ที่หลังแกหนอนเต็มเลยค่ะ พยาบาลก็เอาพวกใบตองมาลองน้ำเหลือง แล้วเอาถุงดำกวาดใส่หนอนไว้ คือหลังแกและและเน่ามากๆ แต่ทำไมแกยังไม่ตาย กลางวันแกนอนนิ่งๆไม่มีอะไรค่ะ แต่กลางคืนแกบ่นหิวแล้วมาหลอกเรา ที่แกร้องวี๊ดๆคือคงเป็นแบบ ที่พยาบาลบอกว่าแกทำกับบิดามารดาไว้ ก่อแกใกล้ตายแกเลยคล้ายๆเปรต พอเรากลับมาขึ้นเตียงนอน นั่งคิดค่ะ ถ้าพยาบาลไปจะทำไง เราจะอยู่ได้ยังไง กลัวทุกอย่างค่ะ เลยเรียกพยาบาล ขอร้องให้พยาบาลฉีดยานอนหลับ คือแทบจะลงไปกราบเท้าเค้าเลยค่ะ เค้าบอกไม่ได้ค่ะๆๆ หมอไม่ได้สั่ง ให้ยามั่วซั่วไม่ได้ เราบอกให้เราไปอยู่ห้องอื่นได้ไหม คือไม่อยากอยู่แล้ว หรือไม่ก็เอาป้าออกไป พยาบาลก็บอกเด๋วไปติดต่อดูห้องให้ก่อนนะคะ อีกสักพักจะเข้ามาบอก ….
เวลาผ่านไปเกือบสอง ชม. ก็ยังไม่เข้ามาบอก นี่ก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว มืดแล้วก็กลัวสิคะ หยิบพระมาแขวนคอ หยิบเหรียญมาถือไว้ คือจะไม่หลับแน่ๆจะรอแม่เรามาเฝ้าเรา อยู่ๆม่านก็ค่อยๆเลื่อนออกค่ะตั้งแต่ปลายเตี่ยงเราเลื่อนมาเลื่อยๆ ๆ ๆ จนเห็นเตียงข้างๆ เราก็พนมมือไว้ สวดมนต์ ไม่ยอมลืมตา สักพักตัวชาหมดเลยค่ะ จะหันไปเอื้อมหยิบที่กดเรียกพยาบาล ก็เจอป้าสังวาลอยู่บนตัวเตียงเราค่ะ เราก็กรี๊ดเลย แบบสุดเสียงที่เรามี เราก็ไม่ลืมตา ไหว้ ขอร้องอย่ามาหลอกเราเลย เราจะทำบุญไปให้ ป้าก็นั่งยองๆแล้วก็โยกตัวค่ะ ค่อยๆโยกแล้วก็ร้องวี๊ดๆๆๆ เราก็ร้องไห้ สติสตางค์หลุด กระเพกๆลงจากเตียงแต่ก็ได้แต่นั้นค่ะ ไปไม่ไหว ปวดขา เจ็บมากๆ เราทนไม่ไหวแล้ว จริงๆตอนนั้น ด่าเลยค่ะ “มรืงมาหลอกกรูทำไม กรูไปทำอะไรให้ กรูขอแช่งมรืงให้เป็นเปรตทุกข์ทรมานทุกชาติ ไม่ได้ผุดได้เกิด อิผีแก่ อิผีเห้” ด่าไปร้องไห้ไปค่ะ แกคงโกรธเรา อยู่ๆขาเราโดนลากไปที่ระเบียงค่ะ เราก็กรี๊ดเสียงดังเลย แบบวันนี้กรูจะต้องตายเหรอเนี่ย เรานึกถึงพ่อนึกถึงแม่ เรียกสุดเสียงเลยค่ะ เค้ายืนเหยียบตัวเอา แล้วค่อยๆนั่งยองๆแล้วก้มมาหาเรา กลิ่นเห็นมากๆ ไม่ทราบว่าน้ำเหลืองหรือน้ำลายก็ไม่รู้ไหลออกมาตอนแกวี๊ดๆ แต่คือเห็นมาก ระหว่างที่เราเรียกแม่นั้น เสียงประตูเปิดเข้ามาเลยค่ะ เป็นแม่เรากับพยาบาล แล้วก็หมอ เค้าก็ช่วยกันจับเราเข้าไปข้างใน เราก็ร้องไห้กอดแม่ เราก็หันจะไปดึงอ๊อกซิเจนอิป้าออกเลยค่ะ พวกหมอพยาบาลก็มาห้ามเรา เราก็สติหลุดแล้ว ตะโกนด่าเสียงดังมาก โวยวายเลยค่ะ ด่าอิป้าที่มันนอนอยู่ว่า “มรืงมาหลอกกรูทำไม ทำไมมรืงไม่ไปหลอกพวกมัน มันไม่เชื่อว่ามรืงมีตัวตนอะ ออกมาสิ ทั้งหมอ ทั้งพยาบาลเนี่ย มันหาว่ากรูบ้า มันอยากตายนักใช่ไหมอิผี กรูจะดึงอ๊อกซิเจนมรืงออกเอง” ทุกคนก็มาช่วยจับเราแล้วมัดเราไว้แบบเดิม คือเราไม่ทนแล้ว เหมือนคนบ้าเลย หมอก็บอกเราให้ใจเย็นๆ เราก็บอกหมอไปว่า มรืงจะให้กรูใจเย็นอะไร กรูขาเจ็บขนาดนี้กรูจะลงไปนอนเล่นที่ระเบียงเพื่ออะไร ด้วยความโกรธค่ะ ทำไมฉันต้องเห็นมัน มองสภาพตัวเองโดนมัดอีกแล้ว ทีนี้รัดเท้าข้างที่ไม่เจ็บด้วย เราบอกให้เอาป้าออกไปๆ หันไปหาแม่ทำไมแม่ให้เค้ามัดหนูแบบนี้อะแม่ แม่เอาป้าออกไปนะแม่ หนูไม่ไหวแล้ว เราโดนฉีดยาอีกแล้วค่ะ และสลบไปแบบวันแรก
** เราจะเล่าเหตุการณ์ที่เจอหนักๆ โดนหนักๆ แต่เรียงรำดับเหตุการณ์ไปนะคะ **
หลังจากที่โดนยาสลบรอบสอง เราตื่นขึ้นมาเราก็ร้องหาแต่ยาสลบค่ะ อยากจะหลับๆไปนานๆ ไม่อยากตื่น พอเราร้องหายามากๆ หมอเค้าก็เลยอนุญาติให้เรากลับบ้านได้ เพราะเราอยู่ที่ รพ. เหมือนเราเป็นคนสติไม่ดีอะคะ ไม่คุยกับใครทั้งวัน ร้องไห้ตลอดเวลา พอเราได้กลับมาบ้าน ลุงที่เป็นล่างทรงเค้าก็มาเรียกขวัญให้เรา เวลาเดินผ่านกระจกนี่ตกใจตัวเองมากๆ โทรมสุดๆ เหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลางคืนไม่นอนค่ะ เอาหูฟังมาใส่หู เรานอนห้องพระนะคะ คือเราอยู่ในนี้เป็นเดือนๆ ไม่ออกไปจากห้องนี้เลย แบบพอแม่เราขึ้นมาเอาข้าวให้เรา เราจะนั่งแต่ท่าชันเข่า เหมือนเด็กมีปัญหาอะค่ะ เพื่อนมาเยี่ยม เพื่อนแม่มาเยี่ยมก็บอกให้เราไปหาหมอ หมอจิตแพทย์อะค่ะ พอแม่มาบอกเรา เราเข้าใจนะคะว่าเค้าเป็นห่วงเรา เราก็บอกแม่ไปว่า แม่ก็รู้ว่าหนูไม่ได้บ้า ลุงก็บอกแม่แล้วหนิว่าหนูเจออะไรบ้าง คือเราอยู่แต่ห้องพระจริงๆ ไม่ออกเลย ไม่โดนผีหลอกก็ซวยที่สภาพจิตใจ เห็นภาพหลอนตลอด แต่เรามั่นใจนะคะว่าเราไม่ได้บ้าจริงๆ รู้ทุกอย่างว่าใครมาพูดอะไร เราเข้าใจที่เค้าพูดทุกอย่าง แต่ไม่มีใครเข้าใจเราไงคะ เราเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เราฝัน เราได้ยิน แต่คนอื่นไม่ได้ยิน งานก็ต้องเลื่อนไปอีกค่ะ จนเพื่อนบอกเราว่าเค้าจ้างเราออก ร่างกายทรุดเลยค่ะ ฉันจะมีเรื่องอะไรซวยกว่านี้อีกไหม เข้ามาเลย มาทีเดียวเลยนะ จะให้ตายก็จะตาย เหมือนชีวิตไม่เหลืออะไรแล้วค่ะ มองหน้าแม่กับพ่อเราก็ร้องไห้ เราเพิ่งเรียนจบยังไม่ทันได้เลี้ยงดูท่านเลย แล้วก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยา แล้วเราฝันค่ะว่าเรามาตักบาตที่หน้าบ้านตอนเช้า มีพระรูปนึงเดินมาทางเรา เราก็ถวายของไปค่ะ ท่านก็พูดขึ้นว่า ” โยมพ้นเคราะห์นี้ไป โยมจะมีแต่สิ่งดีๆแล้วนะโยม อดทนและใช้ในสิ่งที่คนอื่นไม่มีให้มันเป็นประโยชน์ แล้วสิ่งชั่วร้ายก็จะทำอะไรเราไม่ได้ เพียงโยมเตรียมร่างกายให้พร้อมก็พอ ” พอเราตื่น เราก็มาส่องกระจกดูตัวเอง แรงก็แทบจะไม่มี กินข้าวก็ไม่ลง อดหลับอดนอนจนร่างกายเราไม่ไหว เราคิดถึงสิ่งที่ท่านบอกเราในฝัน “อดทนแล้วใช้ในสิ่งที่คนอื่นไม่มีให้มันเป็นประโยชน์” มันคืออะไร เรามีอะไรแล้วเราไม่มี เราเลยตัดสินใจว่าถ้าเราเอาเฝือกออกแล้วเราจะบวชสักพักนึงค่ะ
** ขอโทษนะคะ ต้องขอลบกระทู้นี้ออก เรื่องใบตองคือเราอยู่ รพ. เล็กๆในตัวจังหวัดค่ะ ห้องมีน้อย ป้ามีหนอนเนี่ยป้าไม่ได้ติดเชื้อนะคะ เหมือนโรคเวรโรคกรรมค่ะ หลานไม่เอาไม่มาดูแล ซึ่ง รพ. ขอย้ายมาห้องเราก่อน เพราะเราอยู่แค่ 3 วัน สุดท้ายเราอยู่ไม่ถึง ซึ่งไปเหมือนกับเรื่องพี่แดนอีกและเรื่องเกิดเมื่อปีที่แล้วค่ะ คือบางคนถามเราว่าเจอขนาดนี้ยังจะมาตั้งกระทู้ เราแค่อยากเตือนบางคนที่ยังไม่ถึงวัยนี้ ไม่ให้ประมาท ใช้สติ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับใครๆได้บ้าง เรื่องแบบนี้เชื่อยากค่ะ หลักฐานไม่มี มีแต่คำพูดที่อยากจะเตือนอะไรหลายๆอย่างเพราะชีวิตคนเราเจอะเจออะไรมาไม่เหมือนกัน ขอโทษรูปที่สปอยนะคะ พอดีไปเจอมา หลายคอมเม้นบางคนเราก็เลยมาคิดว่าขอลบกระทู้ดีกว่า เล่าๆไปเรื่อยๆจะกลายเป็นแต่งเรื่องขึ้นมาเอง ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ**
** คือขอโทษอีกครั้ง ไม่ได้หนีปัญหานะคะ แต่ถ้าเกิดเราเล่าต่อก็จะมีมาบอกว่าเราแต่งขึ้น พอขอไม่เล่าต่อก็บอกหนีปัญหา เจอไม่จริง เราอยากจะบอกว่าเราไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันหรอกค่ะ เจอตอนนั้นมัวมาถ่ายรูป มันก็ไม่ใช่อารมนั้นเลยจริงๆ คนไม่เจอไม่รู้หรอกค่ะ และคุณก็ไม่รู้ด้วยว่าชีวิตของคนอื่นในแต่ละวันเป็นยังไง เจออะไรมาบ้าง อย่างคุณดูรายการนึง มาเล่าว่าเจอเหตุการณ์แบบนี้ๆ บางคนเค้าก็ไม่มีหลักฐานหรอกค่ะ มีแต่ความเชื่อขอแต่ละบุคคลในการฟังและตัดสินเอาเอง บางคนบอกว่าผ่านวัยนั้นมาแล้วไม่เห็นเจอ คือคุณเป็นคนโชคดีค่ะ ชาติที่แล้วคุณอาจทำความดีมาเยอะ หรือไม่ชาตินี้คุณอาจทำความดีมาเยอะเลยช่วยเกื้อหนุน คนเราชะตาชีวิตไม่เหมือนกัน อย่าตลกกับชีวิตคนอื่นเลยค่ะ บางคนที่เค้าเจอเค้าไม่สนุกด้วย บางคนบอกผีไม่มีจริง คือคุณเป็นคนไม่เชื่อและคุณก็ไม่เคยเห็นไงคะเลยจะพูดยังไงอะไรก็ได้ ไม่มีใครอยากเจอหรอกค่ะ บางคนไม่เจอ ไม่โดนคุณโชคดีมากๆ ชีวิตคุณดีมากๆ แต่อย่าล้อเล่นกับชีวิตคนอื่นกันเลยนะคะ เราแจ้งลบกระทู้เรียบร้อย คนที่กำลังจะเข้าวัย 25 ก็ขอให้พวกคุณโชคดี เจอแต่เรื่องดีๆนะคะ อย่าประมาท มีสติ หมั่นทำบุญเยอะๆ อะไรที่ไม่เห็นด้วยตาปล่าว ไม่ใช่ไม่มีจริงค่ะ ขอบคุณทุกคำติชมนะ เราจะเก็บไว้พิจารณาตัวเองค่ะ ขอโทษอีกครั้งจริงๆค่ะ **
กระทู้ตอนต่อ >> http://pantip.com/topic/33714031
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ต่อจากกระทู้เก่า เรื่องวัยเบญจเพส ซึ่งจะเขียนเรื่องราวต่อจากกระทู้เก่านะคะ เราขออนุญาตแท็กห้องนิยายนะคะ เพื่อจะไม่มีดราม่าอะไรเกิดขึ้น เราไม่ได้มีเจตนาใดๆในการหลอกลวงหรือทรัพย์สินอันมีค่าของใครนะคะ แค่อยากให้ทุกคนได้ฟังเพื่อระมัดระวังการใช้ชีวิตมากขึ้น เรื่องการทำบุญ การเชื่อบุญบาป ขออภัยถ้าบางท่านคิดว่าเราจะสั่งสอน เราไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นนะคะ เพียงแค่ชี้นำ จะจำไปปรับใช่หรือไม่ก็สุดแล้วแต่ของบุคคล โปรใช้วิจรณญาณในการฟังด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
เราเลยตัดสินใจว่าถ้าเราเอาเฝือกออกแล้วเราจะบวชสักพักนึงค่ะ…
…หลังจากที่ไม่ได้ออกจากห้องพระ มาร่วมเดือนๆ เพื่อนก็มาบอกว่าทางโรงแรมหาคนใหม่มาทำงานแทนเราแล้ว คือตอนนั้นเรายอมรับความจริงแล้วค่ะว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ แม่เราก็บอกว่าอีกอาทิตเดียวไปเอาเฝือกออกแล้วค่อยหางานใหม่ก็ได้ พอถึงเวลาเอาเฝือกออก ก็ยังคงเดินลำบากนิดๆค่ะเพราะตอนใส่เฝือกเดินไม่ค่อยถนัด พอขาหายเราก็เดินสายทำบุญ 9 วัด แล้วไปเจอป้ายวัดนึงเป็นวัดป่าค่ะ วัดอยู่ลึกมากๆ ถนนก็ยังเป็นลูกรัง พอไปถึงวัดเราบอกแม่ว่าเราขอบวชวัดนี้นะ คือพอเข้าไปก็มีแม่ชีอยู่ 4 – 5 คนค่ะ เป็นวัดไม่ใหญ่มาก รอบๆเป็นป่า เราก็ไปคุยกับแม่ชีว่าเราจะบวช คำแรกที่แม่ชีพูดกับเราคือ “อยู่ได้แน่เหรอ?” เราก็บอกได้ เค้าเลยบอกเราว่าลองถือศีลสัก 3 คืนก่อนไหม? ถ้าไหวแล้วค่อยบวช เราก็เลยบอกว่าถ้าเป็นเรื่องเน็ตหรือโทรศัพท์เราไม่ได้สนใจค่ะเพราะที่นี่คลื่นไม่มีอยู่แล้ว เราไม่เล่นก็ได้ เค้าบอกว่าไม่ใช่ เราเลยถามว่าอะไร คือเค้าก็ไม่ตอบค่ะ ก็ไปคุยกับเจ้าอาวาส จะมาถือศีล 3 คืน คุยกันเสร็จ แม่เราก็บอกว่าอยู่ได้นะ เป็นอะไรจะติดต่อแม่ยังไง เราก็บอกไม่เป็นไรเราอยู่ได้
พ่อแม่เรากลับ บ่าย 4 ได้ เราก็ไปช่วยเค้ากวาดใบไม้ เพราะที่นั่นต้นไม้เยอะมากๆ เรากวาดๆอยู่ตาเราก็เหลือบไปเห็น ผญ คนนึง อยู่หลังต้นไม้ เราก็หันไปค่ะ คือเห็นเป็นคนปกติ ยืนอยู่ เราก็จ้องค่ะ มองว่าเค้ามาหาใครหรือป่าว เค้าจ้องเรา เราก็จ้องค่ะ สักพักเค้ากวักมือเรียกเราให้ไปหาเค้า คือเราก็กำลังเดินไปนะคะ แม่ชีที่เค้ากวาดห่างจากเราไม่กี่เมตรก็บอกเราว่า “อย่าไปสนใจ กวาดต่อไปเถอะ” เราบอกเค้ามาหาใครเหรอคะ? เค้าบอกว่า อย่าไปสนใจ เห็นอะไรอย่าทัก แล้วเฉยๆเหมือนไม่เห็น และสักพักต้นไม้เขย่าค่ะ ตรงที่ ผญ คนนั้นยืนอยู่ เราก็ทิ้งไม้กวาดแล้ววิ่งไปหลังแม่ชี คือตกใจอะค่ะ เค้าเลยบอกเราว่า เข้าไปไหว้พระในโบสถ์ก่อนเถอะ คือโบสถ์นี้คือทุกคือคนที่จำศีลจำวัดเค้าจะมาสวดมนต์นั่งสมาธิกันที่นี่ค่ะ เราก็เข้าไปกราบ แม่ชีก็ชี้บอกค่ะ ทางนั้นเป็นกุฏิเจ้าอาวาส ทางนั้นเป็นพระกับเณร คือที่นี้เป็นไม้หมด ไม่ได้หรูหราไม้ขัดเงาอะไรอย่างนี้นะคะ ข้างหลังไปหน่อยก็เป็นที่พักของพวกแม่ชี คือแม่ชีบอกข้างหลังที่เราพักเป็นป่าช้า เราก็ค่ะๆ เราเตรียมชุดมาค่ะเพราะบอกไว้หลังผ่าเฝือกเราจะมาบวชเลยติดชุดขาวมาด้วย เวลาหกโมงกว่าๆเริ่มเข้ามาที่โบสถ์เพื่อสวดมนต์ หน้าต่างโบสถ์เปิดไว้ค่ะเพราะไม่มีพัดลม ก็นั่งสวดสักพัก เราก็ไปเห็นแม่ชีคนนึงอยู่ตรงหน้าจ่างข้างๆเราค่ะ คือเค้าไม่ได้เข้ามานะคะ แล้วกวักมือเรียกเรา เราก็คิดว่าเค้าให้เราไปช่วยยกอะไรหรือป่าวก็เลยออกไปค่ะ ตอนอยู่ในโบสถ์เราอยู่ท้ายสุดนะคะ พอเราออกไปก็ยังเห็นแม่ชีอยู่ค่ะกวักมือเรียกเรา เราก็ถามว่าแม่ชีคะเรียกหนูไปไหน เค้าก็ไม่ตอบ เราก็เดินตาม คือทางที่แม่ชีเดิน เดินกลับไปที่พักของเราอะค่ะ เราก็เริ่มตะหงิดๆละคือถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ พอเราจะถามครั้งสุดท้าย เค้าอยู่แต่ยังหันหลังให้เรานะคะ สักพักเค้าก็หัวเราะ ๆๆ แต่ยังไม่หันมาทางเรา เราก็รู้และว่าไม่ใช่คน ช๊อค และก็ค่อยๆถอยหลัง คอจะเตรียมวิ่งค่ะ ตอนนั้นเหงื่อแตกน้ำตาไหล จะเอายังไงดี คือเราอยู่ไกลจากโบสถ์มาก เราตัดสินใจวิ่งค่ะ เรามั่นใจว่าเค้าวิ่งตามเรา เพราะเราได้ยินเสียงหัวเราะ ตามหลังเรามา คือเราก็กรี๊ดไปร้องไห้ไป พูดอย่าทำอะไรหนูเลย กลัวแล้ว วิ่งไม่คิดชีวิตเลยค่ะ เจอกุฏิเณรกับพระ เราไม่สนละค่ะขึ้นไปก่อน แต่ลืมคิดว่าไม่มีใครอยู่เพราะเค้าไปสวดมนต์กันหมด จะลงไปก็ไม่ได้ เผื่อป้าผีแกมารอ อยู่บนนี้ก็ไม่มีใครอยู่ ระแวงไปหมด ความรู้สึกเดิมกลับมา จิตตก หวาดระแวงไปหมด ร้องไห้ตะโกนช่วยด้วยๆตลอดเผื่อใครได้ยิน…
…หลังจากร้องไห้บนกุฏิพระและเณร เราก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเรา เป็นพระค่ะ ยังไม่แก่มาก เราก็ยังไม่ตอบค่ะ เค้าเรียกเราหลายรอบมากๆ เราเลยเกาะขอบระเบียงไม้หน้าบรรไดค่ะ เค้าบอกเราว่าหลวงตาให้มาเรียกไปโบสถ์ เราบอกไม่เชื่อ เมื่อกี้เราโดนผีแม่ชีหรอก พระบอก โอ๊ยโยม ที่นี่เค้าเจอกันชนชินแล้ว ลงมาเหอะ ที่โยมเจอยังน้อย เราก็เลยถามว่า ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าท่านเป็นพระจริงๆไม่ใช่คน คือเค้าก้หัวเราะอะค่ะ บอกมาเถอะพระจะพาไปโบสถ์ เราเลยบอกว่าทำไมมาคนเดียวละ ไม่กลัวเหรอ เค้าก็ไม่ตอบ เราเลยบอกเรารอบนนี้แหละ ให้หลวงตามาตามเราเองได้ไหม คือตอนนั้นเรายังกลัวๆค่ะ สักพักมีคนตะโกนเรียกหาเราหลายคนเลยค่ะ ตอนนั้นเลยไม่เอะใจอะไรแล้ว พระบอกเราว่าลงมาเถอะๆ เราก็ลงเดินลงมาอยู่หน้าบรรได คือพระห่างจากเราประมาณ 10 ก้าวได้ แต่เค้าเดินไปทางป่าช้า เราบอกจะไปไหน เราไม่ไปนะทางนั้น เค้าก็ไม่ตอบค่ะ แต่หันหลัง เราก็เรียกพระๆ คือเค้าไม่ตอบ เราก็เลยก้าวถอยหลังจะเดินขึ้นบรรได คือรู้แล้วว่าไม่ใช่คนแน่ๆ แล้วเสียงเรียกทั้งหมดคือใคร คือตอนนั้นสั่นแล้ว พอกำลังจะก้าวขึ้นบรรได โดนกระชากแขนค่ะ คือแรง มากกกกกกกก!! จนเราล้ม คือตอนเค้ากระชากเค้าหันหน้านะคะ ไม่หันหน้า เราก็จะลุกหนีโดนลากขาคือจะลากเราไปทางที่พักเราอะคะเพราะข้างหลังเป็นป่าช้า เราก็กรี๊ดร้องช่วยด้วยๆ ๆๆ ๆ และเสียงจิ้งหลีดก็ดังค่ะ เราเข้าใจว่าที่ใครไม่ค่อยได้ยินเราเพราะอย่างนี้หรือป่าว สลัดก็ไม่หลุดทำไงก้ไม่หลุดทั้งสวดมนต์ทั้งด่า ทั้งขอร้อง เค้าหยุดลากหลังจากที่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกเรา เราก็ตะโกนกลับสุดเสียงเลยว่าช่วยด้วยๆ คือเป็นหลวงพ่อ หลวงตา เณร พระ แม่ชี มากันเต็มกุฏิพระเลย เราก็บอกเราอยู่นี่ๆ ก็ไม่มีใครเห็นเรา คือหลวงพ่อสวดมนต์และเดินมาทางเรา และเอาน้ำมนต์รดมาเรื่อยๆ จนมาถึงเรา แม่ชีก็เดินมาทางเราบอกว่าไปในโบสถ์ก่อนๆ เราก็ร้องไห้ไปเล่าไป เค้าบอกใจเย็นๆ เค้ารู้แล้วๆ คือไปถึงโบสถ์แม่ชีบอกเราว่า ตอนที่เราออกมาเค้าเห็นเราเดินออกไปคนเดียว ก็เลยให้พวกพระ กับเณรมาหา และบอกไม่เจอเรา เราบอกวิ่งจากป่าช้ามาได้ก็ขึ้นไปบนกุฏิพระ แม่ชีบอกเค้าไปตามเราทั้งหมดเลยไม่ผ่านกุฏิพระหลายรอบก็ไม่เห็น เราบอกก็ไม่เห็นพวกท่านเลย เค้าบอกว่าอาจจะโดนบังตา ที่เราเห็นหลวงพ่อได้ช่วงที่ตะโกนเรียกเราแล้วสวดมนต์ เอาน้ำมนต์มารด
พอหลวงพ่อเข้ามา ท่านบอกเราว่าเราดวงไม่ดีเลยนะ เมื่อกี้ถ้าอาตมาไม่เอาน้ำมนต์ไปด้วยโยมคงไม่รอด เราเลยถามหนูต้องทำยังไง พระบอกที่นี้ไม่มีต่อคนชะตาขาดนะ แต่มีสวดทำพิธีทางพุธให้ได้ คือให้เราอยู่ตรงกลาง แล้วมีพระสวดรอบๆ สายศีลก็โยงตรงมือเรา พระบอกจะสวดให้ตามอายุที่เราเบญจเพส แต่ต้องสวดเกินไป 1 บท คือ สวด 26 บท หลวงพ่อบอกเราว่าถ้าได้ยินหรือเห็นอะไร อย่าไปสนใจ ตั้งสติแล้วสวดมนต์ คือท่านให้เราสวดพาหุง และแผร่เมตตรา คือคนละบทกับพระนะคะ เราก็เริ่มหลับตาสวดๆๆ ได้ยินเสียงหน้าต่างปิดเปิด กระแทกแรงๆ คือต้องเข้าใจนะคะเราไม่ได้เคยบวชหรือถือศีลมาก่อนเจอแบบนี้ก็สติหลุดอะค่ะ เราก็ท่องคิดในใจว่าอย่าไปสนใจๆ หลับตาๆ อย่าลืมๆ ขอบอกเลยว่าเราเกือบท่องไม่จบ แบบเค้ามาเรียก สักพักมายืนข้างหน้าต่าง เป็นใคร ใครก็เหล่มองอะค่ะ สมาธิมันจะหลุด พระบอกเรา โยมอย่าไปสนใจ มีสตินะโยม เสียงกรี๊ดมาเลยค่ะ คือเราได้ยินคนเดียว จนเราหยุดท่องไปพักนึงเพื่อเอามือปิดหู พระท่านก็บอกเรา โยม มันจะไม่เสร็จพิธีนะ เราก็เริ่มน้ำตาคลอแล้ว เราได้ยินได้เห็นคนเดียวอะค่ะ สติก็จะหลุดเริ่มท่องผิดๆถูกๆ เราเลยเงยหน้าไปมองพระพุทธรูป และมันทำให้เรามีสติจริงๆค่ะ เราท่องและมองแต่หน้าท่านจริงๆ จนพิธีเสร็จ หลวงพ่อก็เอาน้ำมนต์มารดเรา และบอกเราว่าอยู่ให้ครบกำหนดนะ ถ้าโยมกลับไป โยมไม่รอดแน่ๆ เจ้ากรรมนายเวรโยมแรงจริงๆ พระจะไปส่งเราที่พักแม่ชี เราบอกไม่ไปๆ ขอนอนในโบสถ์ได้ไหม พระท่านบอกโยมไหวเหรอ เค้ามาหาโยมแน่ๆ เราเลยบอกอย่างน้อยเค้าก็เข้าไม่ได้ เรากราบท่าน จนท่านยอม ก่อนท่านไปท่านบอกเราว่า อย่าออกไปนอนโบสถ์ ใครมาเรียกก็ตามห้ามเปิด แม้จะเห็นเป็นหลวงพ่อ ก็ห้ามเปิดหรือออกมาหา
….ระหว่างอยู่ในโบสถ์ ก็คิดอยากกลับบ้าน เม่อไหร่จะพ้นเคราะห์กรรมสักที ก้มลงกราบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ บอกชาตินี้ลูกจะขอทำแต่บุญแต่ทาน ขออโหสิเจ้ากรรมนายเวร คิดดีทำดี ย้อนไปเมื่อสมัยยังเป็นนักเรียน เราทำอะไรไว้บ้าง เถียงพ่อเถียงแม่ ไปพอใจก็กระทืบเท้าใส่ๆ ไม่ชอบทำบุญ ไม่เชื่อเรื่องปาบกรรม พ่อแม่เตือนไม่เชื่อ พอเข้าวัยดวงตกกรรมที่เคยทำก็มาโถ่มใส่ช่วงนี้ เจ้ากรรมนายเวรไม่รู้ว่าชาติไหนเลยตามมาได้ ก็นั่งคิดไปน้ำตาไหล ท้อแท้ชีวิตตัวเอง สักพักได้ยินเสียงเคาะประตู คือเริ่มตั้งแต่ที่ประตูแล้วไล่มาหน้าต่าง ไล่มาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าต่างบานสุดท้าย แล้วหยุด เราก็เขยิบเข้าไปใกล้ๆพระพุทธรูป สักพักหน้าต่างเขย่าๆๆๆๆ ค่ะ แล้วกลอนเป็นแบบเหล็กเกี่ยว คือหลุด แล้วเปิดออก คือเราก็มองอะค่ะ ว่าจะเป็นใคร คือเราก็อุ่นใจนิดนึงแล้วค่ะว่าเราอยู่ในโบสถ์ผีเข้ามาไม่ได้ แล้วเราจะออกไปทำไมคือใครมาเรียกเราไม่เชื่อแล้วอะค่ะ ยังไม่เห็นแต่มาเป็นเสียงค่ะ เสียงวี๊ดดๆๆๆๆ คือเปรตแน่ๆ แสบหูมากจนต้องเอามือปิดหู หน้าต่างยังเปิดอยู่ค่ะ แต่ยังไม่เห็นอะไรนะคะ เห็นเป็นแต่ท่อนไม้ สองท่อน คือเหมือนท่อนไม่อะค่ะ เราก็มองไม่มีอะไร เสียงไปแล้ว ก็เลยรีบนอน คือไม่กล้าไปปิดหน้าต่าง มันเปิดอ้าอยู่ ไม่ปิดก็นอนไม่ได้ ต้องเห็นพวกมันแน่ๆ เราก็เลยหาไม้กวาดแถวนั้นไปเขี่ยหน้าต่าง กำลังจะเดินไปปิด ทำไมท่อนไม้ขยับได้ พอมองขึ้นไปคือท่อนมันสูงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกๆๆ เสียงก็มาแบบวี๊ดดดดๆๆ ทีนี้เราไม่ปิดละค่ะวิ่งมานอนคลุมโปรง สักพักมีเสียงเรียกเรา คือกรูไม่สนใจละ เรียกไปเถอะ ยังไงกรูก็ไม่เปิดผ้าไปมอง “แม่ชีเองๆ เปิดให้หน่อยหลวงพ่อให้มานอนเป็นเพื่อน” คือเราไม่ตอบและไม่เปิด คือชีมาจริงๆชีก็นอนไปเหอะข้างนอก กรูไม่เชื่อใครแล้ว สักพักมาเสียงหลวงพ่อ บอกให้เปิดให้อาตมาหน่อย คิดในใจหลอกกรูอีก หลวงพ่อเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่าไม่ให้เปิด คือกวนแบบนี้ทั้งคืนค่ะ นอนไม่ได้ ข่มตาหลับก็หลับไม่ลง และเสียงร้องไห้ก็มา บอกช่วยด้วยๆๆ คือเราก็นอนสั่นแล้วค่ะ เมื่อไหร่เช้าๆ เวลาเดินช้ามาก …
…คืนแรกผ่านไป คือเราไม่ได้นอนเลยนะคะ เมื่อคืน ช่วยชีกวาดวัด ขัดห้องน้ำ ง่วงมากๆ เราไม่กล้านอน นอนก็ฝัน หลวงพ่อบอกว่าต้องสวดแบบนี้ 3 คืน เราต้องอยู่ให้ได้นะ อยู่ให้ครบ เราบอกหลวงพ่อว่าหนูไม่ไหวแล้ว หนูเหนื่อย ให้เค้าเอาหนูไปดีกว่าไหม หลวงพ่อบอกว่า แล้วแม่กับพ่อโยมละ เค้าเห็นด้วยหรือไม่ โยมต้องตั้งสติทุกอย่างมีทางออก ..วันนี้มีคนเอาศพมาที่วัดมาทำพิธีทางศาสนา คนน้อยมากๆ ไม่มีเลี้ยงอะไรมากมาย เป็นลุงแก่ๆคนนึงเค้าบอกรถชนตายหัวขาด เราก็แบบนึกภาพตามแล้วสยอง เค้าบอกสวด 3 วันก็จะเผา พระก็ไปสวดกัน แม่ชีก็ไปที่พัก เราก็ขอนอนต่อที่โบสถ์ เพื่อรอพระมาสวดพิธีให้เราเป็นคืนที่ 2 ก่อนเราจะแยกย้ายจากชีไป แม่ชีบอกเราว่า เมื่อคืนไปเรียกทำไมไม่ยอมเปิด เราบอกก็หลวงพ่อบอกว่าใครมาเรียกห้ามเปิด ห้ามออกมา แม่ชีบอกว่าหลวงพ่อให้แม่ชีมานอนกับเรา แล้วให้แม่ชีถือพาลใส่สายศีลติดมือมาด้วย พอมาถึงแม่ชีบอก เห็น ผญ กับ ผช เดินเคาะรอบๆประตูหน้าต่าง แล้วเขย่าๆ เหมือนแงะหน้าต่างให้เปิด แม่ชีก็เดินสวดมนต์มา คือแม่ชีเค้าไม่กลัวแล้วค่ะ เค้าบอกเค้าเจอเหมือนกัน แม่ชีอยู่ที่นี่มานานแล้วเค้าเลยต้องชิน พอแม่ชีเดินมา เอาสายศีลมาคลองประตูหน้าต่างให้เราไว้ แล้วเรียกเราก็ไม่เปิด เราก็ไม่กล้าบอกค่ะว่าได้ยินถึงเป็นแม่ชีจริงก็ไม่เปิด เราเลยบอกว่าเข้าพร้อมเราเลย ไม่ต้องรอเรียก คือเรากลัว ตอนนั้นทุ่มกว่าๆ แม่ชีก็ชวนเรานั่งสมาธิ สักพักได้ยินเสียงเหมือนคนปาหินค่ะ ใส่หน้าต่าง เราก็เขยิบๆ ไปข้างๆแม่ชี จะว่าเราไม่มีสติสมาธิก็ได้ค่ะ คือถ้าคนเจอแบบนี้ยังไงก็กลัวยังไงก็ไม่ชิน แม่ชีบอกอย่าไปสนใจ เราก็นั่งต่อ และทีนี้มาเป็นเสียงทุบประตูดังมากๆ แม่ชีบอกเดี๋ยวไปเปิดดูเผื่อพวกพระท่านมา แม่ชีเดินออกไป เราก็นั่งสมาธิต่อ เรารู้สึกเหมือนมีคนมองข้างหลังเราเลยหันไปมอง เป็นแม่ชีค่ะ บอกเราว่าพระท่านเรียกให้ไปหา เราเลยถามว่าไม่สวดเหรอ แม่ชีบอกว่าพระท่านให้ไปหา คือเห็นหน้าแม่ชีไม่ชัดนะคะ เรายังไม่เอะใจอะไร เพราะแม่ชีออกมาก็ยังไม่กลับเข้ามา เราบอกไม่ไปเราจะรอทีนี่ แม่ชีบอกตามมาเถอะ เราเรียกแม่ชีให้เข้ามานะคะ บอกให้เข้ามาก่อนเดี๋ยวเราจะออกไป แม่ชีเดินมาค่ะ แต่มายืนแค่หน้าประตูไม่ยอมเข้า หน้าเป็นแม่ชีเลยนะคะ เราเลยเอามือจับประตูไว้ข้างนึง เค้าเอือมมือจะมาดึงแขนเรา เราก็เลยจับเค้าเข้ามา ร้องก็ร้องแบบดังมากค่ะว่า กูไม่เข้าๆๆๆ ปล่อยกู เราเลยปล่อยเพราะเรากลัวโดนดึงค่ะแล้วเอาสายศีลที่พระให้เราคล้องคอไว้ ไปคล้องแม่ชี พระกับเณรก็วิ่งมา แม่ชีก็ร้องเอาออกไปๆๆ พระก็ไปตามหลวงพ่อมา คือไม่ทราบว่าโดนผีเข้าหรือป่าว พระท่านก็เอาน้ำมนต์มารด สวดคาถา พระท่านถามเราว่าแม่ชีไปทำอะไรมา เราบอกว่ามีคนมาเคาะประตู แล้วแม่ชีไปเปิด แล้วหายไปนานมาก แล้วมายืนเรียกเราบอกหลวงพ่อเรียก ท่านบอกโยมพาชีไปข้างในนะก่อนนะ
หลังจากที่แม่ชีเข้าไปในโบสถ์ กับเรา เราก็ถามแม่ชีว่า “ตอนที่แม่ชีออกไป ไปเจออะไรมาเหรอคะ?” ตอยได้ยินเสียงเคาะ พอเปิดไปเห็นเป็นหลวงพ่อมาเรียก คือแม่ชีเค้าเจอเรื่องพวกนี้บ่อยค่ะ ตอนเค้ามาอยู่วัดแรกๆ และก็ไม่ค่อยเจอแล้ว ล่วนมากจะเห็นเป็นผ่านๆ ก็คิดว่าเป็นหลวงพ่อมาเรียกเผื่อให้ไปช่วยอะไร ก็เดิมตามหลวงพ่อออกไปค่ะ แม่ชีก็เรียก ท่านมีอะไรให้ช่วยในงานหรือป่าว ท่านก็ไม่ยอมตอบ แม่ชีก็เอะใจ ทำไมท่านไม่ให้เณรหรือพระมมาตาม ทำไมท่านถึงมาเอง แม่ชีก็เลยหยุดไม่ตามไปค่ะ ก็เลยหันหลังกลับแล้วรีบเดินมาจะเข้าโบสถ์ อยู่ๆก็รู้สึกหนักข้างหลังมากๆ พอหันหน้าไปก้เห็นเป็น ผช.คือเค้าเกาะหลังแม่ชีอยู่ แม่ชีก็ตกใจ คือเค้ายิ้มให้ปากถึงหู แล้วหน้าใกล้กันมาก แล้วเค้าก็พูดกับแม่ชีว่า “ขอไปด้วยคนสิ” แม่ชีก็สวดมนต์ สวดเท่าไหร่ก้ไม่ไป และอยู่ๆแม่ชีบอกก็รู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ จำอะไรก้ไม่ได้เลย ..แม่ชีบอกว่าวัดนี้เคยล้างมาก่อน ที่ทั้งหมดเป็นป่าช้า ส่วนมากก็พวกตายโหง บางคนไม่สวดสพก้มี มาให้เผาเลย แม่ชีบอกมาแรกๆอยู่ไม่ได้ ล่าสุดก่อนเราเข้ามาไม่กี่วัน แม่ชีบอกมีคนมาขออยู่วัดคือแกไม่มีที่อยู่ ขอเป็นสัปเหร่อก้ได้เพราะแกอยู่วัดเก่าเคยเป็น ก็อยู่ได้แค่คืนแรก เช้ามานอนสั่นอยู่กุฏิเณร จับไข้ บอกเจอผีๆๆๆ พูดอยู่แค่นี้ หลวงพ่อท่านบอกใจเย็นๆ นะโยม เอาน้ำมนต์ให้กิน สักพักหลวงตาถามว่าโยมเป็นอะไร ถึงมานอนอยู่บนนี้ได้ แกบอกนอนๆอยู่ก็โดนดึงขา แกเลยชักขาจะถีบ แต่ถีบไม่โดนเหมือนไม่มีใคร เลยนอนต่อ แกบอกแก่ก็เจอมาเยอะ เลยไม่ค่อยกลัว สักพักลากขาแกเลย ลากออกมาข้างนอกที่แกอยู่ แกก็มองว่าใครจะลุกก็ลุกไม่ได้ มองไปเห็น ผญ ยืนเหยียบอกแกอยู่ แกอยู่วัดเก่าแกได้วิชามาบ้าง ก็เลยท่องคาถา ก็ไม่ไป ทำไงก็ไม่ไป แกก้โดนลากขาอีก ทีนี้เป็นผี ผช ลากไปหัวเราะไป คือแกกลัวแล้วไม่เคยเจอแบบนี้ ตะโกนเรียกใครก็ไม่ได้ยิน แกเลยท่องคาถาท้าวเวสสุวรรณ แกหลุดมาได้ก็วิ่งหยีขึ้นมาเลย แม่ชีก้เล่าต่อว่า เดือนก่อนหลานกำนันก้เพิ่งเอามาเผา เค้าบอกว่าหลานกำนันไปเช้าพระมาบูชา คือเป็นพวกบ้าพระ เก็บสะสม ครั้งแรกก้โชคดีถูกล๊อคเตอร์รี่บ่อย หลายๆคู่ ก็เอาไปเที่ยว เมา เตะพ่อแม่ อยู่ๆกลางคืนแกก้ร้องวี๊ดๆทุดคืน พ่อกับแม่เข้าไปดู ก็ทำปาดจู๋ แล้วร้องวี๊ดๆๆๆ พอพามาหาหลวงพ่อ ท่านบอกท่านไม่มีวิชาไล่ผี ทำได้แค่สวดได้ช่วงคราว ลูกโยมหน่ะไม่มีใครช่วยได้หรอก ลูกโยมทำกรรมมามาก เอาพระที่ลูกโยมได้มาไปให้เค้าทำพิธีซะ พระท่านบอกไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอก ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง ลูกโยมกำลังเข้าวัยเบญจเพส ก่อกรรมเยอะ ไม่เคยมาเข้าวัดเข้าว่า ไม่เคยคิดดีทำดีต่อผู้อื่น ขนาดพ่อแม่ลูกโยมยังไม่เว้นเลย แม่ชีบอกพ่อแม่เค้าก็ร้องไห้ พออีกวันลูกเค้าก็ตายค่ะ คือพาศพมาวัดนี้แล้วเผาเลย แม่ชีบอก ศพแห้งติดกระดูก นอนตาเหลือก ทำปากจู๋ แล้วกางนิ้วมือสองข้าง ตอนเผานี่ได้ยินเสียงวี๊ดดดดๆๆๆ…
ราขอโทษคนที่อยากให้เราเล่าต่อจริงๆนะคะ คอมเม้นเราอ่านทุกคนนะคะ บางคนบอกว่า “เข้าใจ จขกท นะคะ ถ้าไม่สบายใจที่จะเล่าต่อก็ไม่เป็นไร” เราขอบคุณคนแบบนี้มากจริงๆ แต่บางคน “อยากฟังต่อค่าาาา จะไปด่า จขกท ทำไม ให้ จขกท เล่าจบก่อนแล้วค่อยด่าก็ได้” .คือเราก็จุกนะ พอเราไม่มีประโยชน์แล้ว ทุกคนก็ไม่พอใจ จะเอาในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ เราทำตามทุกอย่าง เราเขียนให้คุณอ่าน แล้วเราได้อะไร? เงินเหรอ? บางคนบอก “กะแค่พวกๆเดียวจะสนใจทำไม คือจะไม่เล่าใช่ไหมจะได้ไม่รออ่าน” คือเราไม่ใช่คนเหมือนคุณๆเหรอ พอไม่ได้อย่างที่ตัวเองหวังก็โวยวายด่าเรา ถ้าเป็นคนอื่นจะยอมแบบเราไหมถามจริงๆ คนนี้บอกให้แท็กนิยาย คนโน้นบอก พูดมาสิว่าจริงไม่จริง บางคนบอกคุณทำให้ทุกคนงมงาย พวกยอดมนุษย์ปกป้องประเทศทั้งหลาย เราพอแล้วนะเลิกเขียนแล้ว หวังว่าพวกคุณคงสบายใจ
Be the first to comment