ปรากรม วารุณประภา คือใคร? (สารวัตรเอี๊ยด) พร้อมประวัติและผลงาน (เสียชีวิตแล้ว)

หลังจากที่มีการแถลงข่าวถึงการเสียชีวิตของ พต.ต.ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องหา112 คดีแอบอ้างฯ ร่วมกับหมอหยอง จากเหตุการแขวนคอตายในเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี หลายคนอาจจะอยากทราบถึงประวัติและผลงานของบุคคลท่านนี้ว่าเขาเป็นใคร

922767-img.ridcsv.1inwj

ปรากรม วารุณประภา คือใคร?

พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือที่รู้จักกันในแวดวงการสีกากี “สารวัตรเอี๊ยด” ก่อนถูกจับกุม ดำรงตำแหน่งสารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สว.กก.1 บก.ปอท.) โดยเป็นหนึ่งในสามผู้ต้องหาขบวนการแอบอ้างเบื้องสูง ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งแก๊งหมิ่นเบื้องสูง โดยถูกจับกลุ่มพร้อมหมอหยองและเลขาของหมอหยองครับ

******************************************

แถลงข่าวกรมราชทัณฑ์
เรื่อง ผู้ต้องขังเสียชีวิต

กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2558 เวลาประมาณ 22.00 น. จากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯว่า ข.ช.ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องขังระหว่างสอบสวนในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งได้รับตัวไว้ควบคุมตามหมายขังของศาลทหารกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2558 ได้พยายามฆ่าตัวตายด้วยการใช้ผ้าจากเสื้อผู้ต้องขังที่ทางเรือนจำจ่ายให้ตามระเบียบผูกคอตัวเองกับลูกกรงห้องขังภายในเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีโดยเวรรักษาการณ์กลางคืนในวันดังกล่าวได้ตรวจพบจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาและเปิดห้องขังเข้าไปให้การช่วยเหลือในทันที

ในเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องขังยังไม่เสียชีวิต จึงได้พยายามใช้เครื่องช่วยหายใจและให้การปฐมพยาบาล พร้อมกับนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในทันที จนกระทั่งนำตัวส่งถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และได้รับแจ้งจากแพทย์ในเวลาต่อมาว่าผู้ต้องขังได้เสียชีวิตแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นมีดังนี้

1. ห้องขังที่เรือนจำชั่วคราว ไม่ใช่ห้องขังเหมือนเรือนจำปกติทั่วไป แต่ใช้อาคารที่ทำการของหน่วยทหาร ซึ่งมีประตูทึบผนังปูน 4 ด้าน ไม่สามารถมองตรวจตราจากภายนอกได้ ต้องเปิดประตูจึงจะมองเห็น ภายในห้องขังมีเครื่องหลับนอนผู้ต้องขัง ใช้ระบบขังเดี่ยว ผู้ต้องขังทั้งหมดไม่มีโอกาสพบกัน

2.การควบคุมผู้ต้องขังเวลากลางคืนจะมีเวรผลัดละ 1 คน คอยเดินตรวจตรา ซึ่งขณะนี้ เรือนจำชั่วคราวมีผู้ต้องขังรวม 5 คน ประกอบกับเป็นวันหยุดราชการ ไม่มีการสอบสวน ผู้ต้องขังถูกขังห้องเพียงลำพัง ไม่มีโอกาสพบคู่คดี จะมีการเดินตรวจเป็นระยะเท่านั้น

3.คดีนี้เป็นคดีสำคัญ ผู้ต้องขังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง อาจมีปัญหาในการปรับตัว เพราะเพิ่งรับตัวไว้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2558

การเสียชีวิตของผู้ต้องขังในครั้งนี้ เป็นการเสียชีวิตในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน จึงต้องดำเนินการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และส่งศพให้สถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานรายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป

จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

****************************************

ประวัติของ ปรากรม วารุณประภา (สารวัตรเอี๊ยด)

พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือ “สารวัตรเอี๊ยด” ปัจจุบันอายุ 39 ปี เป็นบุตรชาย พล.ต.ท. วัฒนชัย วารุณประภา

ด้านการศึกษา – สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และจบหลักสูตรนายร้อยตำรวจ โรงเรียนนายร้อยที่ประเทศอังกฤษ

ประวัติการทำงาน

  • ทหารสังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่
  • ตำรวจสังกัดศูนย์ข้อมูลสื่อสาร กรมตำรวจ
  • ตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตรวจสอบเว็บไซต์หมิ่นสถาบันเบื้องสูง
  • ช่วยราชการตำรวจ ที่กองกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามรับหน้าที่ตรวจสอบพยานหลักฐานข้อมูลคดีเครือข่าย พล.ต.ท. พงศ์ พัฒน์ฉายาพันธุ์

ผลงานของ ปรากรม วารุณประภา (สารวัตรเอี๊ยด)

เริ่มต้นด้วยการรับราชการทหารสังกัดศูนย์ทหารปืนใหญ่ ก่อนจะถูก พล.ต.อ. ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้นชักชวนให้มาเป็นตำรวจ ซึ่งช่วงแรก สารวัตรเอี๊ยด อยู่ภายใตัสังกัดศูนย์ข้อมูลข่าวสาร และเคยทำหน้าที่เป็นอนุกรรมการจัดซื้อจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ทดแทนของเดิมที่ล้าสมัยไปแล้ว

จากนั้น สารวัตรเอี๊ยด ได้เข้าอุปสมบทที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยช่วงที่บวชเรียนและหลังจากลาสิกขา ได้ทำหน้าที่ตามเสด็จสมเด็จพระสังฆราช จนเป็นที่มาของฉายา “นายเวรพระสังฆราช” หน้าที่หลักคือดูหมายเสด็จ และคอยดูแลรับใช้ จนมีนามเรียกขานว่า “นว.รังษี 1”

ในช่วงนี้สารวัตรเอี๊ยด ถูกกล่าวหาว่า ปลอมแปลงลายพระหัตถ์ของพระสังฆราช จนเป็นเหตุให้ถูกออกจากราชการ แต่ภายหลัง สารวัตรเอี๊ยด พ้นจากข้อกล่าวหา เนื่องจากอัยการไม่สั่งฟ้อง และผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทิน โดยสารวัตรเอี๊ยด กลับสู่เส้นทางสีกากีอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ซึ่งมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน มีมติเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 ให้ สารวัตรเอี๊ยด กลับเข้ารับราชการในสังกัด บก.ปอท. และเพิ่มยศจากเดิม ร้อยตำรวจตรี เป็น พันตำรวจตรี และได้รับมอบหมายให้รับหน้าที่สำคัญในการสอดส่องเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมในการละเมิดเบื้องสูง เนื่องจากสารวัตรเอี๊ยดมีความรู้ความสามารถในด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี

กระทั่งมีคดีเครือข่าย พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีต ผบช.ก. ในคดีหมิ่นเบื้องสูง สารวัตรเอี๊ยดถูกเรียกตัวมาช่วยราชการที่กองกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (กก.2 บก.ป.) เพื่อทำหน้าที่รวบรวมหลักฐานพยานในคดีดังกล่าว จนสามารถทลายเครือข่าย พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ พร้อมกับยึดทรัพย์สินและเงินจำนวนมาก

ทั้งนี้ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้ลงนามคำสั่งไว้เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนจะเกษียณอายุราชการ ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ พ.ต.ต. ปรากรม มาดำรงตำแหน่ง สว.กก.ปพ.บก.ป. ซึ่งจะมีผลในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ แต่ทาง พ.ต.ต. ปรากรม กลับมาถูกทหารจับกุมในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงเสียก่อน พร้อมกับที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้เซ็นคำสั่งให้ พ.ต.ต. ปรากรม ออกจากราชการ เท่ากับเป็นการถูกให้ออกราชการเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากกระทำความผิดร้ายแรงของสารวัตรเอี๊ยดอีกด้วย

Be the first to comment

Leave a comment

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.