หลังจากที่มีข่าวว่า Sam Way เชฟชื่อดังชาวต่างชาติ ใช้ผงนัว เครื่องปรุงคู่ครัวไทย ปรุงอาหาร ทำให้หลายคนสงสัยว่า “ผงนัว” คืออะไร? เหมือนหรือแตกต่างจากผงชูรสหรือไม่? วันนี้ Zcooby หาคำตอบมาแนะนำให้ทราบครับ
ผงนัว คืออะไร?
โดยส่วนมาก เมื่อมีการพูดถึง “ผงนัว” คนทั่วไปส่วนมากมักจะนึกถึง “ผงชูรส” (เพราะคำว่า “นัว” นั้น หมายถึง รสกลมกล่อมของอาหาร เช่น ต้ม แกง ลาบก้อย มีรสกลมกล่อม เรียกว่า รสนัว)
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทางจังหวัดในภาคอีสาน โดยเฉพาะที่จังหวัดสกลนคร มีเครื่องปรุงรสที่แปลกออกไป โดยชาวบ้านใช้ใบของผักพื้นบ้านหลายชนิดตากแดดให้แห้ง แล้วตำให้ละเอียดแล้วผสมกัน เก็บไว้ใส่อาหาร เวลาต้มแกง หรือที่เรียกว่า “ผงนัว” เป็นพืชผักสมุนไพรจำนวน 12 ชนิดมาทำเป็นเครื่องปรุงเพื่อเพิ่มรสชาติให้อาหาร
โดยรสชาติของผงนัว จะเพิ่มรสให้อาหารได้นั้น ต้องใส่ในน้ำต้มแกงตอนร้อน แต่ถ้าชิมเปล่าๆ จะไม่มีรสชาติ แต่
รู้สึกได้ว่ามีรสปะแล่มๆ คล้ายกับผงชูรสที่ขายตามท้องตลาด
บางสูตรก็ผลิตจากผักอินทรีย์ที่ให้รสกลมกล่อมซึ่งประกอบด้วย ใบหม่อน ใบไชยา ใบอ่อมแซป ใบไชเท้า ผักหวานบ้าน
ผงนัวทำมาจากอะไร?
สำหรับผักที่ใช้ทำผงนัวมี 12 ชนิด ได้แก่
- ใบผักหวานบ้าน 30 กรัม
- ใบมะรุม 10 กรัม
- ใบส้มป่อย 10 กรัม
- ใบหม่อน 30 กรัม
- ใบหอม 10 กรัม
- ใบย่านาง 10 กรัม
- ใบมะขาม 2 กรัม
- ใบกระเจี๊ยบแดง 2 กรัม
- ชะมวง 10 กรัม
- ใบผักโขมทั้งต้น 5 กรัม
- ใบกุ้ยช่าย 5 กรัม
- ใบวอเตอร์เครส 5 กรัม
วิธีการทำผงนัว
- นำผักพื้นบ้านมาล้างน้ำให้สะอาด และผึ่งแดด/ลมให้แห้ง
- นำเข้าอบในตู้อบ โดยใช้ความร้อนที่อุณหภูมิ 50-55 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมง แล้วแต่ชนิดของผัก
- นำผักที่อบแล้วมาบดให้ละเอียดด้วยเครื่องบด โดยใช้ตะแกรงเบอร์ 100
- นำส่วนผสมที่บดละเอียดคลุกเคล้าให้เข้ากัน สามารถนำไปประกอบอาหารได้ทันที หรือเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท
Be the first to comment