ในช่วงนี้อาจมีหลายคนที่ได้ยินได้เห็นคำว่า Internet of Things ผ่านหูผ่านตาอยู่ อาจจะสงสัยว่า มันคืออะไร? และจะมีผลกระทบอะไรต่อชีวิตของเราบ้าง วันนี้ Zcooby เลยอยากจะขอแนะนำบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ
Internet of Things คืออะไร?
หากแปลกันอย่างตรงตัวแล้ว Internet of Things ก็น่าจะแปลได้ว่า “อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง” แต่จริงแล้ว คำนี้ก็คือ แนวความคิดในการใส่คอมพิวเตอร์อัจฉริยะลงไปใน “ทุกสิ่ง” เพื่อให้มนุษย์สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจะถูกติดตั้งลงในอุปกรณ์ต่างๆ และใช้อินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อข้อมูล,สั่งการทำงาน โดยคิดคำนวนแทนคนได้มากขึ้น
ซึ่งเมื่อแนวคิดนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น ก็ยิ่งมีการใช้อย่างแพร่หลายต่อจากเรื่องของคลาวด์ และ Big Data ซึ่งข้อมูลที่ใช้มีแนวโน้มการใช้ข้อมูลมากกว่า คอมพิวเตอร์และมือถือที่เคยใช้รวมกันมหาศาลครับ
พัฒนาการของ Internet of Things
แรกเริ่ม คนส่วนมากเริ่มรู้จัก ระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรือที่เรียกกันว่า สมาร์ทโฟน โดยได้พัฒนาจากเริ่มต้นที่ทำได้เพียง โทรเข้า โทรออก รับส่งข้อความ (SMS) จนเมื่อระบบอินเทอร์เน็ตถูกพัฒนาขึ้น และเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ทำให้มือถือเครื่องหนึ่ง สามารถทำอะไรได้หลากหลายมากขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้
ในปัจจุบันนี้ เราเริ่มเห็นการนำเอาคอมพิวเตอร์อัจฉริยะใส่เข้าไปอุปกรณ์ต่างๆ เช่น
- เรามีสมาร์ททีวี ที่นอกจากชมรายการโทรทัศน์ปกติ ยังสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อชมรายการบนโลกออนไลน์หรือค้นหาข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจในอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย
- ระบบการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้านานาชนิดภายในบ้านด้วย มือถือเครื่องเดียว
- Apple ที่พัฒนานาฬิกา Apple Watch หรือยัดระบบปฎิบัติการ CarPlay ลงในรถยนต์เพื่อสั่งการต่างๆ เพียงปลายนิ้ว
- Google เริ่มพัฒนารถยนต์ที่ไร้คนขับ โดยการใส่คอมพิวเตอร์อัจฉริยะเข้าไปคิดคำนวณการขับรถแทนมนุษย์
- ฯลฯ
จนถึงตอนนี้ เราได้พบว่า มี Internet of Things เข้าไปอยู่ในทุกสิ่งจริงๆ เช่น
- Smart Tooth Brush แปรงสีฟันอัจฉริยะ
- Smart Egg Tray สามารถตรวจสอบได้ว่า เหลือไข่อยู่ที่บ้านกี่ฟองผ่านทางสมาร์ทโฟน
- Smart Propane Tank ตรวจสอบปริมาณน้ำดื่มที่บ้านว่า เหลือปริมาณเท่าไหร่ ควรซื้อน้ำมาเติมได้แล้วหรือยัSmart Washing Machine เชื่อมต่อกับเครื่องซักผ้าไปเลย
- Smart Piggy Bank กระปุกหมูออมสินแบบอัจฉริยะ นอกจากสามารถนับเงินที่หยอดแล้ว สามารถกำหนดเป้าหมายของการออมได้ด้วย
- Hydroponic System ระบบควบคุมการปลูกผักแบบใช้น้ำ
- Smart Sprinkler Control ระบบควบคุม Sprinkler ในการพ่นน้ำรดต้นไม้ที่บ้าน
- Smart Home Security ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับบ้านของเรา เช่นการดูข้อมูลผ่าน VDO เมื่อมีสิ่งปกติในบ้าน
- Smart Lighting สามารถปรับรูปแบบ แสง สี ของไฟในบ้านหรือห้อง ตามที่เราต้องการ
- Analyze with NODE+ เป็นอุปกรณ์ที่มี sensor เก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เช่นทิศทางการเคลื่อนไหว, วัดอุณหภูมิ เป็นต้น
- Smart A/C เพื่อควบคุมการใช้งานไฟฟ้า
- Bluetooth-Enabled Insoles นำไปติดยังที่ต่างๆ เช่น รองเท้าวิ่ง ใช้สำหรับการเก็บข้อมูลทางวิ่ง
- Swing Analyzer ใช้สำหรับการฝึกซ้อมกีฬา
- Smart Sleep System ทำการวิเคราะห์การนอนหลับของคุณ
- Sense Mother ทำการเชื่อมโยง Sensor ต่างๆ เข้าด้วยกัน นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
- Blood Pressure Monitor เป็นระบบเพื่อสุขภาพ ใช้สำหรับตรวจเลือดนั่นเอง
- Smart Slow Cooker มาทำอาหารกัน แบบควบคุมจากระยะไกล นี่มันจะสบายไปแล้วนะ
- Internet-Connected Mirror ทำให้ทุกอย่างง่ายๆ ด้วยการนำมาแสดงที่กระจกเลย เนื่องจากมันอยู่ใกล้ชิดกับทุกๆ คน
ถ้าพูดเรื่องพวกนี้เมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีแบบนี้อาจดูเพ้อฝัน แต่ถ้าในอนาคตอันใกล้นี้มีอุปกรณ์ในชีวิตประจำวันที่ “คิดเองไม่ได้” แต่เราสามารถยัด “สมอง” ไปให้มันได้ในอนาคต ก็น่าจะมีอะไรสนุกๆ ที่พลิกโฉมโลกได้อีกมากมาย และในปัจจุบันนี้ หลายบริษัทเริ่มมีการพัฒนาระบบปฎิบัติการสำหรับ Internet of Things กันแล้วครับ
Be the first to comment