ในปัจจุบันนี้ เราอาจจะเคยเห็นหรือได้ยินคำหนึ่งว่า “Gaslighting” หลายคนอาจจะสงสัยว่า คำๆ นี้มันเกี่ยวกับกับเรื่องความสัมพันธ์ของคนได้อย่างไร? วันนี้ Zcooby ขอแนะนำให้รู้ถึงความหมายของคำๆ นี้ และที่มาของคำๆ นี้ครับ
Gaslighting คืออะไร?
หากจะให้สรุปความหมายง่ายๆ ของคำว่า “Gaslighting” ก็คือ “การปั่นหัว เพื่อโยนความผิดให้กับอีกฝ่าย ซึ่งปัจจุบันมักจะเป็นการใช้ในเรื่องของความสัมพันธ์”
ซึ่งหากผู้กระทำสิ่งนี้ จะถูกเรียกว่า “จอมปั่นหัว” หรือ gaslighter ที่เป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมควบคุมและทำร้ายจิตใจของคู่รัก ด้วยการจงใจป้อนข้อมูลเท็จให้อีกฝ่ายเกิดความสับสนและกังขาในความจำของตนเอง หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยมักจะมีพฤติกรรมเช่น
1) ทำให้เป็นเรื่องไม่สำคัญ (Trivializing)
2) ทำให้เป็นฝ่ายผิด (Blame-shifting)
3) ไม่ยอมรับความจริง (Denying)
4) บิดเบือนความจริง (Twisting)
ดร.จอร์จ ไซมอน นักจิตวิทยาและผู้เขียนหนังสือขายดีเรื่อง In Sheep’s Clothing: Understanding and Dealing with Manipulative People กล่าวว่า การปั่นหัว หรือ gaslighting คือการที่คุณมั่นใจว่าคุณอ่านสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ถูกต้องแล้ว แต่คนอื่นกลับพยายามโน้มน้าวใจให้คุณเชื่อว่าตัวเองคิดผิด และหากมันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้การรับรู้โลกแห่งความเป็นจริงของคนนั้นค่อย ๆ พังทลายลง
ดร.ไซมอน ระบุว่า การปั่นหัวมีด้วยกันหลายระดับ ตั้งแต่การโกหกและการพูดเกินจริงไปจนกลายเป็นการควบคุมและครอบงำความคิดของผู้ตกเป็นเหยื่อ
เพื่อให้เข้าใจความหมายของคำนี้ได้ดีขึ้น เราขอแนะนำวิดีโอนี้ที่จะอธิบายถึงคำๆ นี้แบบเข้าใจง่ายๆ ครับ
ที่มาของคำว่า Gaslighting
โดยที่มาของคำว่า Gaslighting นั้น มาจากภาพยนตร์ เรื่อง ‘Gaslight’ (ฉายเมื่อปี ค.ศ. 1944) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสามีคนหนึ่งที่พยายามจะฮุบสมบัติของภรรยา โดยพยายามทำให้ภรรยาเข้าใจว่าตนเองเป็นบ้า
โดยวิธีการหนึ่งที่สามีใช้ก็คือ การทำให้ไฟของตะเกียง (Gaslight) นั้นหรี่ลง และเมื่อภรรยา บอกว่าแสงมันมืดลง สามีก็จะบอกเธอว่า เธอคิดไปเอง แสงของตะเกียงยังเท่าเดิม จนทำให้ทำให้ภรรยารู้สึกสงสัยในความคิดของตัวเอง และยังสร้างสถานการณ์ อีกหลาย ๆ อย่าง ที่ทำให้ภรรยารู้สึกสับสันไปเรื่อย ๆ จนสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ทำให้ต้องพึ่งพาแต่สามี จนในที่สุดก็ทำให้สามีสามารถเข้าควบคุมเธอได้
Be the first to comment