Alessandro Volta คือใคร? (พร้อมประวัติและผลงานที่น่าสนใจ)

หากพูดถึง Alessandro Volta (อาเลสซานโดร โวลตา) คุณอาจจะสงสัยว่าเขาคือใคร? มีประวัติและผลงานอะไรที่น่าสนใจ? วันนี้ Zcooby ขอเอาเรื่องของบุคคลท่านนี้มาแบ่งปันให้ทราบกันนะครับ

alessandro volta

 Alessandro Volta คือใคร?

ชื่อเต็มของเขาคือ Count Alessandro Giuseppe Antonio Anastasio Volta (เคานท์อเลสซานโดร จูเซปเป อันโตนิโอ อนาสตาซิโอ โวลตา) เป็นนักฟิสิกส์ชาวอิตาลี และคนทั่วโลกรู้จักเขาในฐานะ ผู้คิดค้นแบตเตอรี่ (เซลล์ไฟฟ้าเคมี) ที่เขาได้ประดิษฐ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1800 และทางสภาไฟฟ้านานาชาติ (The International Electrical Congress) ได้มีมติในที่ประชุมว่าควรนำเอาชื่อของเขามาตั้งชื่อหน่วยวัดแรงเคลื่อนที่ต่อเนื่องของไฟฟ้า ที่เรารู้จักกันดีว่า โวลต์ (Volt) นั่นเองครับ

โดยในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 นี้ จะเป็นวันครบรอบวันเกิด 270 ปีของเขาครับ

8422-004-4E7261A1

ประวัติของ Alessandro Volta

เขาเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1745 ที่เมืองโกโม แคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี

ในด้านการศึกษา เขาได้เข้าศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนพับลิคแห่งเมืองโกโม ต่อมาก็ได้เข้าศึกษาต่อในวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองโคโม หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโกโมแล้ว เขาได้เข้าทำงานเป็นครูสอนวิชาฟิสิกส์ที่โรงเรียนรอยัล เซมมิเนร์ โรงเรียนมัธยมในเมืองโกโมนั่นเอง

โดยในปี ค.ศ. 1771 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเคมีที่มหาวิทยาลัยโกโม

และในปี ค.ศ. 1774 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ในมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกัน

ผลงานที่น่าสนใจของ Alessandro Volta

หากพูดถึงผลงานชิ้นสำคัญที่เขาได้ค้นพบและประดิษฐ์ขึ้น และได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมากก็คือ “แบตเตอรี่”

โดยที่มาของแบตเตอรี่เริ่มมาจาก วันหนึ่งเขาได้รับทราบข่าวว่ามีการค้นพบไฟฟ้าจากกบของลุยจิ กัลวานี (Luigi Galvani) นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งพบโดยบังเอิญขณะสอนวิชากายวิภาคเกี่ยวกับกบ เมื่อกัลวานีใช้คีมแตะไปที่ขากบที่วางอยู่บนจานโลหะ ทันใดนั้นขากบก็กระตุกขึ้นมา

เมื่อโวลตาได้มีโอกาสอ่านหนังสือของกัลวานีทำให้เขาทำการทดลองตามแบบของกัลวานีแต่ทดลองเพิ่มเติมกับสิ่งอื่น เช่น ลิ้น โดยนำเหรียญเงินมาวางไว้บนลิ้น และนำเหรียญทองแดงมาไว้ใต้ลิ้น ปรากฏว่าเขารู้สึกถึงรสเค็มและลิ้นกระตุก จากผลการทดลอง โวลตาพบว่า อันที่จริงแล้วกบไม่ได้มีไฟฟ้า แต่การที่ขากบนั้นเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของโลหะที่ถูกเชื่อมโยงด้วยกรดเกลือซึ่งมีอยู่ในสัตว์ รวมถึงกบและมนุษย์ด้วย

จากผลการทดลองครั้งนี้ โวลได้ทดลองสร้างกระแสไฟฟ้าขึ้น โดยการใช้ชามอ่าง 2 ใบ จากนั้นก็ใส่น้ำเกลือ และหนังฟอกที่ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ลงไป จากนั้นนำแผ่นเงินและสังกะสี ขนาดประมาณเท่าเหรียญเงิน มาประกบกันจำนวน 8 คู่ โดยเริ่มจากแผ่นสังกะสีก่อนแล้วจึงเป็นแผ่นเงิน จากนั้นจึงนำมาวางบนโลหะยาวเพื่อเชื่อมโลหะทั้งหมดเป็นแท่งที่ 1 ส่วนอีกแท่งหนึ่งทำให้ลักษณะเดียวกันแต่ใช้แผ่นเงินวางก่อนแล้วจึงใช้แผ่นสังกะสี จากนั้นนำโลหะทั้ง 2 แท่ง ใส่ลงในชามอ่างทั้ง 2 ใบ ซึ่งวางอยู่ใกล้กันแต่ไม่ติดกัน จากนั้นใช้ลวดต่อระหว่างแท่งโลหะในอ่างทั้ง 2 อ่าง เมื่อทดสอบปรากฏว่ามีกระแสไฟฟ้าอยู่บนเส้นลวดนั้น

pile-de-volta-g

ในปี ค.ศ. 1788 โวลตาได้นำหลักการเดียวกันนี้มาประดิษฐ์เครื่องกำเนิดไฟฟ้าชื่อว่า โวลตาอิคไพล์ (Voltaic Pile) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ แบตเตอรี่ไฟฟ้า (Battery) ซึ่งถือได้ว่าเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดแรกของโลกที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีโดยแบตเตอรี่

ส่วนผลงานอื่นๆ ของเขาส่วนมากจะเป็นผลงานประดิษฐ์ในด้านที่เกี่ยวข้องกับ “ไฟฟ้า” โดยมีผลงานที่หลากหลายดังนี้ครับ

  • “เครื่องประจุไฟฟ้าสถิต”(Electrophorus) (เขาได้ประดิษฐ์ในปี ค.ศ. 1775)
  • คาแพคซิเตอร์ (Capacitor) เป็นอุปกรณ์สำหรับเก็บประจุไฟฟ้า (ปี ค.ศ. 1777)
  • อิเล็กโทรสโคป (Electroscopes) เป็นอุปกรณ์สำหรับตรวจวัดชนิดของประจุไฟฟ้า (ปี ค.ศ. 1777)
  • ตะเกียงแก๊ส
  • ออดิโอมิเตอร์ (Audio meter)

สุดท้าย เขาเสียชีวิตในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1827 ที่เมืองโคโม ประเทศอิตาลี

ในปี ค.ศ. 1881 ภายหลังจากที่โวลตาเสียชีวิตไปแล้ว 54 ปี ทางสภาไฟฟ้านานาชาติ (The International Electrical Congress) ได้มีมติในที่ประชุมว่าควรตั้งชื่อหน่วยวัดแรงเคลื่อนที่ต่อเนื่องของไฟ โดยใช้ชื่อของเขาว่า โวลต์ (Volt) เพื่อเป็นการเชิดชูให้กับทางโวลตาครับ

Be the first to comment

Leave a comment

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.