สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ อาจจะกำลังสงสัยกับแพคเกจแบบที่ว่า “คิดตามปริมาณการใช้งาน” ว่ามันคืออะไร? คุ้มหรือไม่? เหมาะกับการใช้งานของเราหรือไม่? วันนี้ทาง Zcooby จะหาคำตอบมาเล่าให้ฟังกันนะครับ
แพคเกจอินเทอร์เน็ตแบบ “คิดตามปริมาณการใช้งาน” คืออะไร
สำหรับแพคเกจแบบนี้ ความหมายของมันก็ตรงๆ ตามชื่อเลยครับ นั่นคือ การคิดค่าใช้จ่ายในการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบคิดตามจำนวนหรือปริมาณการใช้งานจริงของคุณ เราลองดูตัวอย่างจากรูปด้านล่างนี้ก่อนนะครับ
โดยแพคเกจตามรูปจะเห็นได้ว่า มีทั้งแบบจำกัดปริมาณ และจำกัดวัน เช่นแบบที่ 4 ที่คุณสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ 100 mb ในระยะเวลา 30 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายที่ 99 บาท ซึ่งเมื่อคุณสมัครแพคเกจนี้ คุณสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่า ท่องเน็ต แชท แชร์ หรืออัพสเตตัส โดยปริมาณข้อมูลใช้งานต้องไม่เกิน 100 mb ครับ หากใช้เกิน ระบบจะคิดเงินส่วนต่างนอกเหนือจากแพคเกจนี้ครับ
หลายคนอาจจะรู้สึกว่า แพคเกจอินเทอร์เน็ตแบบ “ไม่จำกัดการใช้งาน” นั้นมีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่สูง และคิดว่าตนเองไม่จำเป็นต้องใช้งานขนาดนั้น จึงคิดว่า การเลือกแพคเกจแบบ “คิดตามปริมาณการใช้งาน” นั้นจะเป็นทางออกที่น่าสนใจกว่า เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า แต่แพคเกจแบบนี้ก็มีข้อที่เราควรจะต้องคำนึงถึงก่อนเลือกใช้นะครับ
ข้อควรระวังก่อนเลือกใช้แพคเกจอินเทอร์เน็ตแบบ “คิดตามปริมาณการใช้งาน”
ต้องขอแนะนำก่อนว่า ระบบโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนในปัจจุบันนั้นจะเน้นการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์เกือบจะตลอดเวลา โดยระบบจะมีการรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตอยู่เสมอ เพื่อการอัพเดทข้อมูลต่างๆให้ล่าสุด
ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า หากคุณทำการเล่น Facebook บนมือถืออยู่ แม้ว่าพอคุณจะปิดหน้าจอและไม่ได้ใช้งานก็ตาม แต่มือถือของคุณก็ยังคงมีการรับส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา เช่น การตรวจสอบสถานะล่าสุดของเพื่อน การแจ้งเตือนต่างๆ ฯลฯ ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดคิดว่า เมื่อตนเองไม่ได้เล่นมือถือแล้ว ก็น่าจะไม่มีการเชื่อมต่อของอินเทอร์เน็ต
หลายคนจึงประสบปัญหาว่า ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ค่อยได้เล่นเน็ตบนมือถือ แต่มือถือของตนมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตไปเกินแพคเกจที่ตนเองได้สมัครแล้ว และทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
แล้วแพคเกจอินเทอร์เน็ตแบบ “คิดตามปริมาณการใช้งาน” เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานประเภทไหน?
จากข้อมูลด้านบนคุณอาจจะคิดว่า ถ้าอย่างนั้นแพคเกจแบบนี้ก็ไม่ควรที่จะเลือกใช่ไหมครับ แต่ในความเห็นของผมก็คือ แพคเกจแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานบางกลุ่มดังนี้ครับ
1. กลุ่มผู้ใช้งานที่มีการใช้งานเชื่อมต่อแบบไวไฟ (Wi-Fi) เป็นส่วนใหญ่ เช่นพนักงานออฟฟิศที่สามารถใช้งานแบบไวไฟในที่ทำงานได้ และมีเวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ทำงาน การมีแพคเกจแบบคิดตามปริมาณการใช้งาน อาจจะมีไว้เผื่อสำหรับการใช้งานนอกสถานที่ เช่นขณะเดินทางไปทำงาน หรือช่วงเดินทางในตอนเลิกงาน หรือจะเป็นผู้ที่มีเวลาส่วนใหญ่อยู่ในย่านที่มีสัญญาณไวไฟ เช่น บ้าน ห้างสรรพสินค้า การสมัครแพคเกจแบบใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัดก็ดูจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุครับ
2. กลุ่มผู้ใช้งานที่ใช้งานแบบไม่เน้นการรับส่งข้อมูล หลายคนอาจจะใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือเพื่อการแชทหรือรับส่งข้อความสั้นๆ ซึ่งการรับส่งข้อมูลแบบข้อความนั้นจะใช้ปริมาณข้อมูลที่น้อยมาก เรียกได้ว่า คุยกันจนลูกบวช ก็ยังใช้ปริมาณข้อมูลที่น้อยกว่าการท่องเว็บหรือการใช้ดูเฟสบุ้คหลายเท่าครับ
3. กลุ่มผู้ใช้งานที่สามารถปรับแต่งมือถือหรือควบคุมปริมาณการใช้งานบนมือถือได้ ซึ่งบนมือถือเกือบทุกรุ่นจะมีคุณสมบัติที่จำกัดปริมาณการใช้งานได้ เพื่อมิให้มือถือมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบตลอดเวลา หากคุณสามารถปรับแต่งและควบคุมปริมาณข้อมูลได้ การเลือกแพคเกจแบบนี้ก็ช่วยประหยัดเงินให้คุณได้ครับ
แต่ถ้าคุณไม่เข้า 1 ใน 3 ข้อนี้ ผมแนะนำว่า คุณควรใช้แพคเกจแบบไม่จำกัดการใช้งานดีกว่าครับ
หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องแพคเกจนี้มากขึ้นนะครับ
Be the first to comment