หลังจากที่มีข่าวชาวอเมริกันวัย 40 ปีพร้อมลูกวัยห้าขวบ เสียชีวิตที่ประเทศไนจีเรีย โดยแพทย์ได้ระบว่า ทั้งสองเสียชีวิตจาก “ไวรัสอีโบล่า” ทำให้เกิดความตื่นตระหนกถึงการแพร่ระบาดของไวรัสตัวนี้ Zcooby จึงอยากจะขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสอีโบล่า พร้อมทั้งลักษณะอาการและวิธีการป้องกันครับ
ไวรัสอีโบล่า คืออะไร?
โรคติดเชื้อจากไวรัสอีโบล่า (Ebola virus disease) หรือเรียกย่อๆ ว่า EVD แต่เดิมเรียกว่า ไข้เลือดออกอีโบล่า เนื่องจากมีอาการสำคัญอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากตัวผู้ป่วยก็คือ เลือดออก โรคนี้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสหนึ่งในโรคที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษย์ เนื่องจากอัตราการตายสูง โดยเมื่อเกิดระบาดเกิดขึ้น มักทำให้มีผู้ติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตถึง 90%
ต้นกำเนิดและการระบาดของไวรัสอีโบล่า
ไวรัสประเภทนี้มักจะมีต้นกำเนิดในประเทศทางตอนกลางและฝั่งตะวันตกที่เป็นเขตป่าฝนของทวีปแอฟริกา โดยเชื่อว่า ค้างคาวกินผลไม้ในสายพันธ์ Pteropodidae เป็นพาหะของโรคในธรรมชาติ ก่อนจะแพร่กระจายมายังลิง และคน
ลักษณะการติดต่อของไวรัส เริ่มต้นจากติดต่อจากสัตว์ ผ่านมายังคน หลังจากนั้น จะติดต่อจากคนมายังคนได้ ผ่านทางสารคัดหลั่ง หรือซากศพ จากการสัมผัสสารคัดหลั่ง (เลือด อุจจาระ น้ำลาย เพศสัมพันธ์)
ไวรัสอีโบล่า มี 5 สปีชีส์
- Bundibugyo ebolavirus (BDBV)
- Zaire ebolavirus (EBOV)
- Reston ebolavirus (RESTV)
- Sudan ebolavirus (SUDV)
- Taï Forest ebolavirus (TAFV).
อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบล่า
ในระยะแรกจะมีอาการ เจ็บคอ, มีไข้, ปวดหัว, ปวดเมื่อย ปวดตามกล้ามเนื้อ
ระยะต่อมา จะมีอาการรุนแรงมากขึ้น มีผื่น มีอาการท้องเสีย,อาเจียน
ท้ายสุด จะมีอาการ เลือดออกทาง จมูก ปาก ตา ทวาร และมีอาการตับวาย ไตวาย จนเสียชีวิตในที่สุด
แนวทางการป้องกันไวรัสอีโบล่า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วย
- เมื่อมีการพบผู้ติดเชื้อ ให้รีบทำการแยกผู้ป่วยโดยเร็วที่สุด
- หากมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสนี้ ให้รีบทำการกำจัดซากศพโดยเร็ว
- สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ให้สวมใส่ชุดป้องกันทุกครั้ง
- ทำความสะอาดสิ่งของที่สัมผัสเชื่อทุกครั้ง
อยากให้ทุกท่านระมัดระวังและป้องกันตัวจากไวรัสอีโบล่ากันนะครับ
Be the first to comment